ฉันจำได้แค่ว่าเราเจอกันตอนปลายฝนต้นหนาว เมื่อราวสองปีที่แล้ว
ตอนนั้นสายหมอกยังปกคลุมไปทั่ว และบางครั้งก็ยังมีละอองฝนอยู่ประปราย
บางครั้งเราก็เหมือนคนแปลกหน้าที่บังเอิญมาเจอกัน
แต่บางครั้งเราก็ดั่งเช่นคนคุ้นเคยกันมาก่อน
แต่ด้วยสถานะอะไรก็ตามแต่ แต่พอมองลึกๆ เข้าไปในแววตาที่สื่อถึงกัน
ก็จะพบว่ามันมีมิตรภาพที่งดงามแฝงไว้อยู่ อย่างไม่อาจปิดบังความรู้สึกตัวเองได้
ถ้าย้อนไป ณ เวลานั้น วันที่มีความรู้สึกดีๆ เกิดขึ้นในหัวใจ
ไม่ว่าจะเป็นที่ที่บังเอิญได้เจอกัน หรือที่ที่ตั้งใจว่าต้องเจอหน้ากันแน่ๆ
(แต่ก็ทำเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ)
ฉันก็ไม่เข้าใจหัวใจตัวเองเหมือนกัน และฉันก็ไม่เข้าใจว่าใครอีกคนรู้สึกยังไง
แต่นั่นแหละ ฉันเองก็ไม่กล้าถาม…กลัวคำตอบ (หรือกลัวหัวใจตัวเองกันนะ)
ปลายฝนต้นหนาวปีที่ผ่านมา เมื่อบรรยากาศเดิมๆ วนเวียนกลับมาอีกหน
คนที่เคยพบหน้า เคยยิ้มทักทาย เคยเห็นแววตา ก็ผ่านเข้ามาในความรู้สึกให้นึกถึงอีกครั้ง
นี่เราไม่ได้เจอกันมาตั้งปีแล้วหรือนี่ เสียงเพลงก้องอยู่ในความรู้สึก
“เมื่อใดที่ลมพัด ช่วยผ่านมาหน่อยได้ไหม อยากให้คืนวันที่ดีเหล่านั้นได้หวนมา”
แต่มันก็แค่สายฝน ลมหนาว สายหมอกเท่านั้นที่พัดผ่าน
เพราะไม่ว่าปลายฝน หรือต้นหนาว ฉันก็ไม่ได้เจอคุณคนเดิมอีกเลย
แต่ในวันนี้วันที่ฉันนึกไม่ถึง หรือเหมือนที่ใครบางคนเคยพูดไว้เสมอ
“เพราะโลกมันกลม” สักวันเราก็คงจะได้เจอกันอีก และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
เวลาที่ฉันเดินทาง ฉันมักจะคิดอยู่เสมอ เผื่อว่าเราจะบังเอิญได้เจอกันอีก
แม้ความบังเอิญจะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ
แต่มาครั้งนี้ ตอนที่ฉันเดินไปนั่งรอขึ้นเครื่องที่สนามบิน
ความบังเอิญเล่นตลกกับฉันอีกครั้ง แววตานั้นฉันไม่ได้เห็นมานานแล้ว
แววตาที่มองมาด้วยความประหลาดใจ
ว่าคนที่เรามองเห็นตรงหน้า จะใช่คนที่เราเคยเจอหรือเปล่า
เราไม่ได้เจอกันนานเท่าไหร่แล้ว ถ้านับเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี ก็คงเสียเวลาคิด
แล้วยังไงหละ เราจะปล่อยให้ความบังเอิญนี้ เป็นเรื่องที่เป็นความทรงจำดีๆ ต่อไปหรือไม่
ฉันก็ไม่รู้จะพูดหรือบอกอะไรดี นอกจากรอยยิ้มและแววตาที่ส่งไปให้
ไม่มีแม้คำทักทายใดๆ นอกจากคิดอยู่ในใจว่า “บังเอิญเจอกันอีกแล้วนะ”
เที่ยวบินเที่ยวสุดท้ายที่ฉันนั่งรอ เหมือนที่คุณกำลังรอ
มันก็คงเป็นเที่ยวบินเดียวกัน จุดหมายเดียวกัน นิตยสารที่คุณกำลังอ่าน
มันคือเล่มเดียวกันที่อยู่ในเป้ฉัน แต่ฉันไม่กล้าแม้จะหยิบออกมา
เรื่องราวสับสนในใจและความทรงจำสีจาง วนเวียนเข้ามาในหัว
สายตาที่มองกันอยู่เป็นระยะ ทำให้รู้สึกป่วนใจอยู่ไม่น้อย
ก่อนการเดินทางจะสิ้นสุดลง ฉันอยากหยุดเวลาให้เดินช้าที่สุด
แต่ฉันก็ไม่มีเวทย์มนต์ใดๆ แม้ระยะทางที่เดินออกจากทางเดินเมื่อเครื่องบินจอด
มันคงจะดูยาวไกลมากสำหรับคนที่เดินทางมาแสนเหนื่อย
แต่สำหรับฉันแล้ว อยากให้มันไกลออกไป ไกลออกไปอีก
เพื่อให้คนที่เดินอยู่ข้างๆ ได้เดินไปด้วยกันให้ยาวนานที่สุด
แม้ไม่มีคำพูดใดๆ ต่อกัน แต่ฉันก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง…
รองเท้าคู่เดิม เป้ใบเดิมๆ น้ำหอมกลิ่นเดิมๆ และแววตาคู่เดิม
ฉันอยากเก็บความทรงจำเหล่านั้นไว้นานเท่านาน
รอให้ความบังเอิญเดินผ่านมาอีกครั้ง เพื่อเติมเต็มความรู้สึกดีๆ ให้คงอยู่ตลอดไป…