Feeds:
เรื่อง
ความเห็น

Archive for กันยายน, 2007

          ต้องขอยอมรับว่าไม่เคยติดตามรายการเฉพาะกิจ The Album ทั้งห้าสัปดาห์ที่ผ่านมา
          เพราะไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษ และไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ นอกเสียจาก….(โปรดดูภาพประกอบ)
          หากใครคิดว่า เอาอีกแล้ว มันพูดถึงเรื่องคุณปลื้มมมมมมอีกแล้ว เบื่อที่จะอ่านแล้วนะเฟ้ย!!!
          โปรดกลับไปอ่านหัวข้อบนสุด ที่บอกถึงวัตถุประสงค์ของสเปซนี้ว่า…"สำหรับแอบปลื้มใครบางคน"

          คุณญี่ปุ่นน้องสาว ย้ำนักย้ำหนาว่าอาทิตย์นี้อย่าลืมดูคุณปลื้มนะ กลัวเราจะพลาดดดดดดดด
          ด้วยความหวังดีของน้อง เลยต้องลงทุน mem ใส่มือถือไว้เป็น Calendar ประจำวันหยุด
          แต่ก็เกือบพลาด เพราะนึกว่าจะออกสี่โมงกว่าเหมือนทุกที เพราะมีถ่ายทอดเทนนิสต่อ
          ดีที่เปิดทีวีออนไลน์ทิ้งไว้ตั้งแต่ดูผู้กองมานะ ละครพี่มอสก็มีบีเพื่อนรักย้ำมาอีกทีว่าอย่าลืมดู

          ได้ดูรายการ The Album อยากบอกว่าอย่าออกเทป แบบที่ชาวเฉลิมไทยเค้าล้อๆ กัน
          เหมือนดูคลิปรายการสารแนภาคสองที่คุณปลื้มเคยไปออก เพียงแต่คราวนี้น่าจะระวังตัวมากขึ้น
          เพราะรู้ว่ามีกล้องคอยแอบถ่ายอยู่ แต่คุณปลื้มก็ยังเป็นปลื้มอยู่วันยังค่ำ ทั้งต่อหน้าลับหลัง
          เปิดเผยและตรงไปตรงมาเสมอๆ แบบนี้แหละมั้ง ถึงมีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบอยู่ทั่วบ้านทั่วเมือง

          สำหรับเพลงที่ร้อง เนื่องจากต้องเข้าข้างกันเองอยู่แล้ว ก็ถือว่าเหนือความคาดหมายเลยทีเดียว
          เพราะไม่น่าเชื่อว่า จากเคยที่ร้องเพลงออกในรายการสุริวิภายังดูผิดคีย์อยู่ ฮำเพลงในรายการสารแน
          ก็ยังฟังไม่ค่อยออกว่าเป็นเพลงอะไร แม้บางทีอ่านข่าวยังมีเว้นวรรคตอนผิดก็มี แต่พอมาเรียนร้องเพลง
          เรียนการออกเสียงแล้ว ถือได้ว่ามีพัฒนาการที่น่าชื่นชมมาก (เข้าข้างกันมากไปไหมเนี่ย อิอิ)

          ตอนนี้ใครเปิดเข้ามาในสเปซนี้อาจจะเจอะเจอกับเพลง "น้อยใจ" ซึ่งอาจจะตรงกับชีวิตของใครหลายคน
          โดยเฉพาะโจ๊ก!! เพื่อนรัก อยากจะบอกว่า เพลงนี้เค้าแต่งมาให้แกหวะ หุหุ ว่าจะทำเป็นเพลงรอสาย
          แต่ก็เกรงใจคนที่ต้องโทรหาฉันแล้วต้องมาฟังเพลงที่อาจจะไม่ปลื้ม แต่ด้วยความเป็นปลื้มส่วนตัว
          เดี๋ยวอิฉันจะทำเป็น ringtone ในมือถือดีกว่า ใครได้ยินแล้วไม่ปลื้มก็ทำหูทวนลมเอาละกัน ก็คนมันปลื้มนะ

         

Read Full Post »

 
          สำหรับคนคุ้นเคยของฉันที่ตั้งใจจะเลิกเหล้า(เฉพาะ)ตอนเข้าพรรษานี้
          ก็คือน้องชายและพ่อของฉันเอง สำหรับพ่อฉันก็เห็นทำมาหลายปีแล้ว
          กับการเลิกเหล้าเฉพาะตอนเข้าพรรษา จนแม่บอกว่า น่าจะมีเข้าพรรษาตลอดปี
          เพราะอยากให้พ่อเลิกดื่มเหล้าไปตลอดชีวิตของพ่อเลยนั่นแหละ

          เมื่อยี่สิบห้าปีที่แล้ว พ่อตัดสินใจเลิกบุหรี่ เพราะว่าตอนนั้นพ่อได้ลูกชายดังใจหวัง
          และกลัวว่าลูกจะสูบบุหรี่ตามพ่อ และกลัวว่าจะเป็นอันตรายต่อคนใกล้ตัว

          และเมื่อยี่สิบห้าปีผ่านไป พ่อยังไม่ยอมเลิกเหล้า น้องชายฉันก็เลยมีข้ออ้าง
          ที่จะกินเหล้าได้ ไม่ว่าจะเทศกาลไหนๆ แต่พ่อก็ยังไว้ตัว ไม่ยอมกินเหล้ากับลูก

          ฉันตั้งใจตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ว่าถ้าโตมามีครอบครัว สามีฉันจะต้องไม่ดื่มเหล้า
          และน่าจะถือว่าโชคดีพอสมควรที่สามีฉันไม่ค่อยดื่มเหล้า แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะดื่มไม่ได้

          เพราะนานๆ ที เวลามีปาร์ตี้กับเพื่อนๆ เขาก็ดื่มบ้างเหมือนกัน มีเมาแบบมากมายก็มี
          เวลาเมาจะรู้เลย นอกจากตัวจะแดงๆ ไปทั้งตัว ยังชอบที่จะร้องเพลงคาราบาวด้วย

          คิดดูละกัน ขณะที่ไม่เมานั้น แทบจะไม่ค่อยพูดกับใครในแต่ละวัน แต่ถ้าเมาแล้วละก้อ
          เพลงคาราบาวตั้งแต่เพลงแรกจนเพลงรวมฮิต 25 ปี ไม่มีเพลงไหนที่สามีอิฉันจะร้องไม่ได้
          ถ้าถามลูกชาย ว่าเวลาพ่อเมาจะเป็นอย่างไร ลูกจะตอบได้แบบไม่ต้องคิดมาก

          และตอบได้ทันทีว่า ถ้าพ่อเมา พ่อจะร้องเพลงคาราบาววววววววววววยังไงละแม่!!!

          เข้าพรรษานี้ พอน้องชายฉันงดออกไปกินเหล้าในวันศุกร์ หรือวันที่มีบอลแมนยูเตะ
          ผลที่ตามมาก็คือ มีเงินเหลือใช้ เหมือนที่เค้ารณรงค์กันเลยหละ เหล้าทำให้เสียเงินเพิ่ม
          เพราะมันไม่ใช่แค่ค่าเหล้าที่กินเข้าไปเท่านั้น เมื่อก่อนน้องชายฉัน พอถึงปลายเดือน
          ต้องมายืมเงินฉันใช้เป็นประจำ แต่พองดเหล้าเข้าพรรษาเงินก็เหลือกินเหลือใช้ไม่ต้องยืมใคร

          เพราะไม่ต้องไปเสียเงินกินเหล้านอก นั่งร้านเหล้าดูบอล ถ้าวันไหนต้องดูบอลก็ดูที่ร้านนมแทน
          แถมไม่ต้องกลัวมีเรื่องกับสาวกทีมบอลทีมอื่นๆ อีกด้วย เรียกได้ว่าใส่เสื้อแมนยูไปเชียร์

          ก็ไม่ต้องกลัวจะโดนขวดเบียร์ฟาดหัวอีกต่อไปแล้ว และสำหรับพ่อฉันหรือตาพลของแชท
          พอไม่กินเหล้าตอนเข้าพรรษา เย็นย่ำก็ไม่เมาเหมือนเก่าก่อน เลยไม่ค่อยจะโทรหาหลาน

          เมื่อก่อนถ้าเมาเหล้า หรือแค่เพียงจิบเพียงเล็กน้อย สิ่งที่พ่อฉันจะทำคือโทรศัพท์หาแชท
          และบางทีแชทก็เบื่อที่จะรับ เบื่อที่จะตอบคำถามตาแล้ว เพราะโทรมาทุกวี่วัน ถามแบบเดิมๆ ทุกวัน
          แต่พอตอนนี้ ผ่านไปเป็นอาทิตย์กว่าจะโทรมาครั้งหนึ่ง ทำเอาลูกหลานคิดถึงอยู่เหมือนกัน
          แต่อย่างน้อยการเลิกเหล้าเข้าพรรษาก็ถือว่ามีประโยชน์มากกว่ามีโทษ และฉันก็คิดว่า
          น่าจะมีเข้าพรรษามากกว่าสามเดือน รับรองว่าจะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นตามมาอีกมากมายเชียวหละ

 
         

Read Full Post »

กลัวจะเอาไม่อยู่

 
          มีคนถามในเว็บบอร์ดเกี่ยวกับการซื้อกล้องถ่ายรูปว่ามีงบประมาณหมื่นห้าจะซื้อกล้องอะไรดี
          ที่สามารถถ่ายรูปภรรยาขี้เหร่ให้ออกมาสวยได้ มีคำแนะนำที่หลากหลายตามมา
          แต่ที่เด็ดๆ ก็จะเป็นว่า แค่หมื่นกว่าคงเอาไม่อยู่ หากภรรยาขี้เหร่มากมาย สงสัยต้องหางบเพิ่ม

          เช่นเดียวกับคนที่บ้านฉัน หยุดอยู่กับบ้านหลายวันเลยท่องไปในเว็บบอร์ดที่เค้าโพสรูปต่างๆ
          ไปเจอเขาอวดรูปลูกและภรรยากัน เลยเกิดแรงบันดาลใจอยากได้กล้องดีๆ มาถ่ายรูปบ้าง
          หลังจากนั้นก็แอบไปซื้อกล้องด้วยตัวเองโดยไม่ชวนลูกและแม่ของลูกไปซื้อด้วย

          เพราะเกรงกว่าจะเกิดอุปสรรคใหญ่หลวงต่อการตัดสินใจซื้อ พอซื้อมาแล้วก็เป็นไปตามคาด
          คอมเม้นเตเตอร์แบบอิฉันต้องเม้นให้กระจาย เพราะไม่มีโอกาสร่วมตัดสินใจตั้งแต่แรก 
          แต่คุณสามีผู้พูดน้อยไม่ค่อยมีปากเสียงให้เหตุผลที่น่าฟังว่า ที่ซื้อรุ่นนี้มาเพราะกลัวว่าถ้าแค่หมื่นกว่าๆ

          อาจจะถ่ายเมียออกมาไม่สวย ช่างเป็นเหตุผลที่น่าตื้นตันจริงๆ เช่นเดียวกับอีกกรณีหนึ่งที่เกิดไล่เลี่ยกัน
          พอนด์ ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ในโฆษณาคุณสามีหน้าเด็กกว่าชมภรรยาว่าหน้าอ่อนใส ดูเยาว์วัยขึ้น
          ด้วยความไม่คิดอะไรมาก และชอบลองของใหม่อยู่แล้ว ฉันก็ซื้อมาลองกับเค้าขวดนึง เพราะเขาบอกว่า
          ขวดเดียวก็เห็นผล แต่คุณสามีบอกว่าซื้อไปเผื่อเลยก็ได้ เพราะว่าแค่ขวดเดียวอาจจะเอาไม่อยู่!!!

 

Read Full Post »

หญิง(ป้า)ชุดดำ

 
          วันนี้วันอังคาร (หรือใครจะเถียงว่าวันพุธ!!) ปกติป้าพิงค์กี้อย่างฉันต้องไม่พลาดใส่ชุดสีชมพู
          แต่วันนี้มาแปลก เพราะฉันใส่ชุดดำทั้งเสื้อและกางเกง มีคนทักตั้งแต่เช้าจนเย็นจวนจะเลิกงาน
          Lab girls ชั้นสองถามฉันว่าจะไปไหนพี่ ทำไมใส่ชุดนี้ ฉันส่ายหน้าบอกว่าไม่ได้ไปงานไหน
          อยู่ที่ทำงานปกติ และบอกแบบรู้ทันว่า อย่างน้อยฉันก็ไม่ใส่เสื้อสีชมพูมาชนกับสาวๆ Lab girls 

          พอขึ้นมาถึงที่ทำงานก็ตามคาดแหละ ขนาดอยู่กันแค่สี่ห้าชีวิต ก็จะต้องมีใครซักคนใส่สีชมพูมา

          พี่ที่ทำงานทักฉันว่าใส่ชุดดำไปไหน พี่อุตส่าห์ไม่ใส่สีชมพูมากลัวชนกับน้องหนะ (เป็นงั้นไป)
          จริงๆ แล้ว มุขใส่ชุดดำเพิ่งครีเอทได้ตอนเช้าๆ หลังจากที่ดูข่าว ไม่ใช่สิต้องบอกว่าดูผู้ประกาศข่าว
          เพราะข่าวดูช่องไหนก็ได้ แต่ดูผู้ประกาศข่าว ต้องข่าวช้าวมอเดิ้ลนายน์ (กรุณาออกเสียงแบบคุณปลื้ม)

          วันนี้คุณพี่รุ่งนภาใส่เสื้อสีชมพูสวยงามสมวัย ปกติใส่อะไรก็สวยอยู่แล้วหนะคุณพี่เค้า

          เลยทำให้รู้สึกเหมือนโดนรู้ทัน ถ้าฉันใส่เสื้อสีชมพูไปทำงานอีก เท่ากับเลียนแบบคุณพี่คนสวย
          ซึ่งปกติก็เลียนแบบเป็นประจำอยู่แล้ว รวมถึงน้องกุ๊กและเจ๊ปอช่องสาม ไหนจะต้องไปจ๊ะเอ๋กับใครต่อใคร
          เพราะจะมีคนใส่กันเยอะที่คณะ ถ้านึกไม่ออกว่าจะใส่ชุดไหนมาทำงาน ก็ต้องคว้าชุดสีประจำวันไว้ก่อน
 
          วันนี้ก็เช่นกัน หลังจากที่รีดผ้าชุดสีชมพูไว้แล้ว แต่ก็ยกเลิกการใส่ไปซะเฉยๆ
          กลับมาเลียนแบบอเมริกันแมนผู้ประกาศข่าวช้าวววมอเดิ้ลนายน์ดีกว่า เพราะฮีใส่สูทสีดำ
          อ๊ะ!! จะยังไงละ จะให้เข้าข้างคุณพี่รุ่งนภาคนสวยก็กระไรอยู่ เพราะด้วยนิสัยแล้ว
          ต้องเห็นผู้ชายดีกว่าวันยังค่ำ (นิสัยแบบนี้เพื่อนๆ คงรู้ทัน) ผู้ชายจึงดูดีในสายตาฉันเสมอๆ
 
          สรุปแล้วก็คือ วันนี้เป็นป้าชุดดำทั้งชุด และตามคาดที่ต้องเตรียมตอบคำถามใครต่อใคร
          ว่าจะใส่ชุดดำไปไหน ดีที่ตอนเช้าสามีตื่นสายเลยไม่รู้ว่าเราใส่ชุดดำมา เดี๋ยวพอเจอหน้า
          ต้องโดนถามอีกแน่ๆ ว่าใส่ชุดดำไปไหน ถ้าจะตอบว่าใส่ชุดดำตามคุณปลื้ม ฮีคงไม่ปลื้มแน่ๆ
          เพราะดูมันจะไร้สาระและไม่หนักแน่นพอ แต่สำหรับฉันแล้วความรู้สึกมักมาก่อนเหตุผลเสมอๆ อิอิ

          

Read Full Post »

 
         
                      ภาพประกอบจาก http://www.thaibikeworld.com/gallery.htm

          เขียนไว้ในปฎิทินตั้งโต๊ะว่าจะลาพักร้อนวันที่ 25 – 26 ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่มช. เปิดเทอมใหม่แล้ว
          แต่ช่วงเปิดเทอมใหม่ภาระการงานคงไม่มากไม่มาย แต่จริงๆ แล้วอยากลาพักยาวๆ ตั้งแต่ 20 ตุลา

          แต่ขี้เกียจมีปัญหาต้องทำหนังสือชี้แจงอีก ดีไม่ดีต้องทำหนังสือขออนุญาตผู้บังคับบัญชา
          ขอออกนอกราชอาณาจักรอีกด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ (ถ้าไปแค่พม่า ลาว ต้องขอด้วยไหม)
 
          ปกติเวลาจะไปลาว ก็ไปกับคณะอยู่แล้ว เลยไม่มีปัญหาเรื่องการขออนุญาตหรือการลาพัก
          พูดง่ายๆ คือเอาเวลาราชการไปทำงานให้ราชการนั่นเอง แต่ได้เปิดหูเปิดตาเป็นของแถมด้วย
          มาคราวนี้ อยู่ๆ ก็อยากไปเที่ยวกับลูกสองคน ย้ำว่าสองคน เพราะคุณสามีคงมีภาระเยอะอยู่
          และไม่ชอบขับรถไปไหนต่อไหน ทั้งๆ ที่วางแผนกันว่า มีรถคันใหญ่ขึ้นจะได้เอาไว้ใส่จักรยาน
 
          และสามารถไปเที่ยวได้ไกลๆ ขึ้น แต่พอเอาเข้าจริงแล้ว รถคันอ้วนไม่ได้ไปไหนไกลเลย
          รู้สึกว่าไกลสุดๆ ก็น่าจะไปเมืองน่านที่เกือบทะลุไปประเทศลาว เพราะว่าจำทางผิดนั่นแหละ
          และถ้าสมมุติว่าไปเชียงรายคราวนี้ ถ้าต้องขึ้นรถไปเอง จักรยานก็คงเอาไปด้วยลำบาก
          แต่ถ้าไม่ได้เอาไปด้วย ก็รู้สึกเสียดายบรรยากาศอย่างมาก เพราะว่าอากาศเริ่มเย็นแล้ว
 
          นึกภาพตามละกัน สายหมอกกระทบกับสายโซ่จักรยาน (เวอร์ดีม๊ะ) ฟังดูโรแมนติคดี
          แต่ถ้ามีลูกซ้อนท้ายคงปั่นได้แถวๆ ใกล้บ้าน จริงๆ แล้ววันที่ 20 – 21 ตุลาถ้าจำไม่ผิด
          น่าจะมีแข่งจักรยานที่ดอยตุง สงสัยปีนี้เจ้าถิ่น(ที่ไม่ได้ลงแข่ง) แบบเราต้องแห้วอีกตามเคย
          แม้จะไม่เคยลงแข่งเป็นเรื่องเป็นราว แต่เราก็ไปให้กำลังใจผองเพื่อนสิงห์นักปั่นไม่เคยขาด
 
          เวลาจากวันนี้จนถึงเวลาที่จะลาพักจริงๆ ก็เหลืออีกเป็นเดือน คงยังกะเกณฑ์อะไรมากไม่ได้
          เพราะถึงเวลาเข้าจริง ทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เพียงแต่ช่วงนี้พอตื่นมาตอนเช้าเปิดหน้าต่าง
          ลมเย็นๆ ก็มากระทบหน้าแล้ว หอมกลิ่นลมหนาวเริ่มเข้ามาแล้ว และสำหรับคนมีภาระอย่างฉัน
          ระยะเวลาสามเดือนของลมหนาวที่พัดผ่านในทุกๆ ปี เป็นระยะเวลาของการปั่นจริงๆ
 
          แม้จะไม่ได้ปั่นจักรยานปะทะลมหนาว แต่เป็นการปั่นงานวิจัยของตัวเองที่สะสมมานาน
          เพราะมันจะหมดปีอีกแล้ว พอต้นปีหน้าตัวเล่มก็ควรจะเสร็จและรายงานความก้าวหน้าได้แล้ว
          มัวแต่แบ่งเบาภาระของคนอื่นๆ มานาน จนลืมงานที่ต้องรับผิดชอบของตัวเอง สรุปแล้ว…
          ปลายฝนก็แล้ว ลมหนาวเริ่มมาเยือนแล้ว และภาระมากมายก็ยังไม่ออกไปจากชีวิตฉันซักที
         
         
                ภาพประกอบจาก
http://www.thaibikeworld.com/gallery.htm

Read Full Post »

ลานพระบิดา

 
          
                      ภาพประกอบจาก อาจารย์ต้อง เกษชัย pantip.com

          วันนี้เป็นวัน "มหิดล" คิดว่าลูกพระบิดาหลายคนจำกันได้ดี คุยกับน้องโอ๊ต น้องมหาลัย
          และรุ่นน้องเอกบรรณฯ มอ.ตานี ที่มาเป็นบรรณารักษ์อยู่มช. ด้วยกัน ถามน้องว่า สมัยน้องเรียน
          ถ้าเป็นวันมหิดลจะไปทำอะไรที่ลานพระบิดา ถ้าเป็นสมัยพี่ นอกจากใครที่ต้องแก้บน 
          (ส่วนใหญ่จะใช้ไข่นกกระทาต้มเป็นร้อยๆ) ก็จะถือโอกาสแก้บนกัน ในวันที่ 24 กันยา

          เรียกได้ว่า ไข่นกกระทาเต็มลาน รุ่นพี่จะถือโอกาสข่มขวัญรุ่นน้องว่ากลางคืนอย่าออกไปไหน
         
เพราะวันมหิดล กองทัพทหารญี่ปุ่นจะยกพลขึ้นบกที่อ่าว มอ. ตานี (ทะเลโคลนทั้งนั้น)
         
ซึ่งเป็นเสียงลือเสียงเล่าอ้างต่อๆ กันมาว่าจะได้ยินเสียงรองเท้าบูทกระทบกันเป็นจังหวะชัดเจน
         
ทำเอารุ่นน้องขนหัวลุกไปตามๆ กัน กลัวพ่อโกโบริจะบุกมหาลัยในยามค่ำคืน

 
          จำได้ว่า จะมีพวงมาลาและพานพุ่ม เต็นหน้าลานพระบิดาในวันมหิดล เอาไว้ให้นักศึกษามาเดินชม
          เป็นการถวายสักการะจากหน่วยงานในมหาวิทยาลัยและหน่วยงานราชการภายนอก
          คงเป็นจะเป็นแบบนี้ทุกๆ สถานที่ ที่มีพระบรมรูปของสมเด็จพระบรมราชนก เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช
          หรือสมญานามที่เรียกขานกันว่า "พระบิดา" เหมือนอักษรย่อของคำว่า "มอ."

          ก่อนเข้าไปเรียนไม่รู้ด้วยซ้ำว่า มอ. ย่อมาจากอะไร จนรุ่นพี่ต้องบังคับให้ท่องกันเช้าเย็น
          สมัยนี้แรงกดดันจากรุ่นพี่ ลูกพระบิดาเดียวกันคงไม่ค่อยจะมีมากอย่างแต่ก่อนแล้ว
          เพราะสถานการณ์สามจังหวัดชายแดนใต้ยังน่าเป็นห่วง คนต่างพื้นที่คงไม่อยากไปเรียนกัน
          พอหวนรำลึกความหลังกับรุ่นน้องอย่างโอ๊ต เลยคิดถึงบรรยากาศการนอนดูดาว ณ ลานพระบิดา

          โอ๊ตบอกว่า กล้านอนเลยเหรอพี่ พวกผมไม่กล้า จริงๆ แล้ว ถ้ารุ่นพี่หรือยามมาเห็นก็คงโดนว๊าก
          ถ้าเราจะซื้อของมืนเมา หรือไปทำอะไรไม่ดีนอกมหาวิทยาลัย เมื่อเวลากลับเข้ามายังในมอ.
          ห้ามผ่านตรงหน้าลานพระบิดา ให้ขับรถอ้อมไปทางด้านหลังพระรูป ซึ่งเป็นสิ่งที่สั่งสอนกันมา
          คงเป็นกุศโลบายให้ยับยั้งชั่งใจในการทำสิ่งไม่ดีมากกว่า เพื่อให้เราละอายต่อการทำสิ่งไม่ดีทั้งหลาย

          จำได้ว่าสมัยนั้น อะไรๆ ก็ไปบนไปขอกับพระบิดา พอถึงเวลาแก้บนก็กินไข่นกกระทากันไม่หวาดไม่ไหว
          แจกไปทั่วทุกหอก็ยังไม่หมด เพราะว่าแต่ละคนก็บนกันหลายร้อยลูก ที่ลานพระบิดาตอนกลางคืน
          ถ้าในวันที่ฟ้าเปิดไร้เมฆฝน ดวงดาวจะพราวเต็มฟ้า เป็นที่พึ่งทางใจของคนไกลบ้านได้ดียิ่งนัก
          ขอใช้วันมหิดลนี้ รำลึกถึงเขตรั้วสีบลู รำลึกถึงคุณครูบาอาจารย์ รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ
          ของสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช ขอให้พระบิดาปกป้องคุ้มครอง
ทุกคนให้อยู่รอดปลอดภัย
          แคล้วคลาดจากสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ…
         

Read Full Post »

 
          จริงๆ เรื่องที่จะเขียนไม่เกี่ยวกับชื่อเรื่อง และไม่เกี่ยวกับภาพประกอบแต่อย่างใด
          แต่ฉันพอใจและรู้สึกว่าอยากใช้ชื่อนี้จริงๆ เหมือนเป็นการโปรโมทชื่ออันแสนจะลิเกของตัวเองทางอ้อม
          ประทับใจชื่อ "เด็กหญิงวัลลีฆ่าหมีด้วยมือเปล่า" เป็นชื่อที่มีคนในพันทิปใช้อยู่ เลยขอยืมมา
          แต่เนื้อหาที่จะเขียนไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องอะไรของใครที่ไหน นอกเสียจากเรื่องของตัวเอง (ก็แหงละ!!)

          หลังจากที่พยายามทำตัวเป็นเด็กหญิง "วัลลี" ผู้มีความกตัญญูเลียนแบบเด็กหญิงอ๋อมเพื่อนรัก
          ผ่านไป 26 วันนับตั้งแต่วันที่ยายเข้าโรงพยาบาลเพื่อผ่าตัดหัวใจ วันนี้ยายกลับบ้านที่แม่จันแล้ว
          แต่ต้องไปอยู่โรงพยาบาลที่แม่จันต่ออีกสองอาทิตย์ เพื่อรับยาให้ครบตามที่หมอกำหนด
          แต่แค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว ตอนที่ส่งยายขึ้นรถน้าที่มารับ ถ้าไม่เกรงใจคนแถวนั้น จะกระโดดไชโยเลยด้วยซ้ำ

          แต่ต้องสงวนท่าทีไว้หน่อย แม้จะดีใจจนออกนอกหน้า แถมค่ารักษาก็ถูกมากกกกกกกกกกกกกก

          อยากจะบอกว่าค่ารักษายายหมดไปสามแสนกว่า แต่ที่บอกว่าถูกมากกกกก เพราะเป็นสวัสดิการของรัฐ
          ทั้งบัตรผู้สูงอายุและบัตรทองสามสิบบาทรักษาทุกโรค ลูกหลานเลยได้จ่ายค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์
          และค่ายาส่วนเกินไม่กี่พัน ไม่รู้จะขอบคุณใครยังไงได้หมด ทั้งหมอ ทั้งพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์
 
          รวมถึงขอบคุณทุกๆ สิ่ง ทุกๆ อย่างที่ทำให้ยายได้หายเป็นปกติอีกครั้ง ยังคิดไว้เลยว่าจะกินเจหรือมังสวิรัต
          ซักเก้าวันสิบวัน แต่เนื่องจากว่า อาจจะกินได้ไม่ต่อเนื่อง กะว่าจะเอาสามมื้อคูณเก้าวัน เท่ากับ 27 มื้อ
          วันนึงกินมื้อสองมื้อ แล้วเอามานับรวมกัน ไม่รู้จะใช้ได้หรือเปล่านะ และไม่รู้ว่าจะได้บุญหรือเปล่านี่ หุหุ
          แม้วันนี้ยายยังไม่หายดี ตัวฉันเองก็ยังไม่หายป่วย แต่ก็ใช่ว่าอะไรๆ จะแย่ไปซะหมด ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป
          สู้ต่อไปชิซูกะ!!! สู้ต่อไปชโรชีนีย์ สู้ต่อไปยัยหมูตุ้ย แล้ววันนึงเธอจะต้องฆ่าหมีด้วยมือเปล่าได้แน่ๆ อิอิ
         
                                 ภาพประกอบจาก http://www.tukatacenter.com/

Read Full Post »

เป็นมืน!!!

 
          อยู่ๆ ก็เกิดอาการบ้านหมุน วิงเวียนคล้ายจะล้มทั้งยืน ตื่นมาตอนเช้านึกว่าตัวเองเมายาแก้หวัด
          พอมานั่งหน้าคอมตอนตีห้ากว่าๆ ก็ยังไม่หาย เลยต้องปิดคอมขึ้นไปนอนอีกรอบ 
          และต้องลางานกลางสัปดาห์ พักผ่อนนอนหลับอยู่กับบ้าน เรียกว่านอนหลับจริงๆ
          นอนแปดโมงกว่าตื่นมาอีกทีบ่ายโมง ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะนอนกลางวันได้ 
          แต่คงเป็นเพราะฤทธิ์ยาแก้เวียนหัว ที่เค้าเขียนข้างซองว่า "รับประทานยานี้แล้วอาจง่วงนอน"

          ตอนเย็นเลยไปหาหมอ นับดูแล้วในรอบสามเดือนนี้ ไปหาหมอสามครั้งพอดี
          ค่อยรู้สึกคุ้มค่ากับประกันสังคมแสนแพงที่ต้องจ่ายไปหน่อย แต่เดี๋ยวนี้หมอก็ให้ยาแค่ห้าวันเท่านั้น

          แบบว่าไม่ต้องคิดว่าจะขอเผื่อญาติพี่น้องที่บ้าน แค่เผื่อตัวเองในวันที่ 6 หมอยังไม่จ่ายยาให้
          บอกแค่ว่า ถ้าห้าวันไม่หาย ค่อยกลับมาหาหมอใหม่อีกที แต่ส่วนใหญ่ก็หายทุกทีนะ
          เพราะไม่ได้เป็นอะไรมากมาย นอกจาก เป็นหวัด ปวดหัว เป็นไข้ โรคสามัญประจำตัวทั่วไป

          คราวนี้มาแปลก อาการเวียนหัวแบบทรงตัวไม่อยู่ ไม่คลื่นไส้อาเจียนหรือปวดหัวไมเกรนแบบเก่า

          หมอเลยต้องทดสอบแบบแปลกๆ ให้เอามือแตะจมูกตัวเองแล้วไปแตะที่ปลายนิ้วมือหมอ
          ทำแบบเร็วๆ กรอกตาไปมาแล้วสังเกตอาการ ยกแขน ยกขา ลุกๆ นั่งๆ และอีกหลายกระบวนท่า
          แล้วสรุปออกมาว่า เป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน เนื่องจากว่าหูชั้นในอักเสบ เพราะอาการจากหวัดเรื้อรัง
          เพิ่งถึงบางอ้อก็เดี๋ยวนี้ เวลาเป็นหวัดแล้วกินแค่ยาลดน้ำมูกหรือยาแก้หวัด แต่ไม่กินยาแก้อักเสบด้วย
 
          เชื้อโรคเลยได้ใจ รุกล้ำเข้าไปถึงในหู อาจจะมีในปาก คอ จมูก และอีกหลายๆ ที่ในตัวกลมๆ ของฉัน
          ดีนะที่ไม่ติดไปถึงลูก ไม่งั้นเป็นหวัดเรื้อรัง งอมแงม งอแง ไม่สบายกันทั้งบ้านคงแย่กว่านี้
          ดีที่ช่วงนี้การงานไม่เร่งด่วน เพราะคุณลูกค้ามัวแต่รบราอยู่กับอาจารย์ที่ปรึกษากันอยู่
          คิดๆ ดูแล้ว เหตุเป็นเพราะไม่ได้ออกกำลังกายนั่นแหละ พูดอีกก็เหมือนฉายหนังเก่า
          ไม่ต้องรอหมอที่ไหนมาบอกเลย ว่าต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอ กินอาหารที่ดีมีประโยชน์
          ถ้าทำได้เท่านี้ โรคภัยที่ไหนก็คงไม่กล้าเบียดเบียน "การไม่มีโรคช่างเป็นลาภอันประเสริฐ"
          และการได้กิน "ลาบ" ช่างเป็นโชคอันประเสริฐ อ๊ะ!! อันนี้ไม่เกี่ยวเท่าไหร่ แค่อยากกินเท่านั้นเอง อิอิ
 
        
 

Read Full Post »

 
        หลังจากที่สร้าง office@home (พูดซะหรู) ไว้ในบ้านมาเป็นเวลายาวนาน
        พ่อหมูอ้วนเริ่มเบื่อมุมเดิมๆ โดยอ้างว่าทำให้รู้สึกขี้เกียจทำงานและเอาแต่นอน
        เรื่องเอาแต่นอนนี้ไม่รู้จะประชดใครหรือเปล่า เพราะเราสองแม่ลูกสามทุ่มก็นอนแล้ว
 
        ส่วนพ่อหมูอ้วนก็นอนประมาณตีหนึ่ง ถ้ามีงานเยอะก็ตีสองนู่นเลย
        ทำให้ไม่มีแรงตื่นมาตอนตีห้าเพื่อปั่นจักรยานมาเกือบเดือนแล้ว ส่วนแม่หมูตุ้ยเอง
        เนื่องจากนอนเร็ว ตีสี่ก็สามารถตื่นมาปั่นงานได้แล้ว (แต่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยได้ทำงานมีสาระ)
 
        ลักษณะคอมพิวเตอร์ในห้องเรา ของพ่อจะอยู่มุมตะวันออก ส่วนของแม่และลูก
        จะอยู่มุมตะวันตกของห้อง โดยมีทีวีอยู่ไว้ตรงกลาง และมีเสาบ้านไว้ให้เราเดินอ้อม
        เมื่อเราหันหลังให้กัน เวลาจะคุยกันก็ใช้ msn เป็นตัวประสาน ทั้งๆ ที่นั่งห่างกันห้าหกเมตร
 
        แต่ด้วยความเคยชินและเป็นโรคแชทลิซื่มกันทั้งบ้าน ขนาดแม่ลูกมีคอมนั่งติดกัน
        ยังอุตส่าห์แชทกันด้วย msn เรียกได้กว่า ยอมเมื่อยมือมากกว่าเมื่อยปาก
        เพราะส่วนใหญ่ปากเราจะไม่ว่างไว้คุยกัน เนื่องจากเรามีปากไว้สำหรับกินมากกว่า
 
        ตอนนี้เราย้ายคอมพิวเตอร์มาเรียงต่อกันสามโต๊ะแล้ว พ่อ แม่ ลูก เรียงลำดับตามอายุ
        นัยว่าจะได้ทำงานหรือทำกิจกรรมอะไรที่อยู่ข้างๆ กัน แต่เอาเข้าจริงแล้ว
        ก็ใช่ว่าจะทำงานพร้อมๆ กัน เพราะเวลาแม่กับลูกเปิดคอม จะเป็นเวลาพ่อนอน
 
        หรือเวลาแม่กับลูกนอน จะเป็นเวลาที่พ่อต้องทำงาน แต่เพื่อให้บรรยากาศในบ้าน
        ได้เปลี่ยนแปลงและดูไม่จำเจ ก็เลยต้องจัดโน่นจัดนี่ให้ดูมีอะไรแปลกตาบ้าง
        มีแต่ทีวีที่ถูกย้ายให้ไปอยู่ที่มุมบ้านติดกับตู้หนังสือ แชทบอกแม่ว่าทีวีอยู่ไกลจังแม่
 
        แม่คงต้องซื้อทีวีใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมแล้ว จะได้เห็นชัดๆ กว่าเดิม เป็นวิธีคิดที่แสนพอเพียง
        ถ้าแม่ทำอย่างนั้นจริงๆ เค้าจะมีหลักสูตรความพอเพียงไว้สอนลูกหลานทำไมละนี่
        ก็แค่ย้ายตัวเองให้ไปอยู่ใกล้ทีวีก็ได้แล้ว เรื่องแค่นี้คงทำได้นะลูกนะ 
        เพราะถ้าให้ซื้อทีวีใหม่
ลูกคงไม่ได้ลำบากเพิ่มขึ้น แต่พ่อแม่ลำบากกว่าเดิมแน่ๆ หุหุ

         
        ภาพประกอบจาก www.ezthemes.com

Read Full Post »

 
         
         
          คุณแม่แจนสุดสวย ส่งเว็บประมูลของสำหรับคุณแม่ – คุณลูกมาให้
          เพื่อให้ช่วยกันประมูลของให้ลูกที่สุดรัก
ตามประสาคุณแม่ผู้รักลูกสุดลิ่มทิ่มประตู
          ต้องขอร่วมแจมกับเค้าซะหน่อย เพราะสินค้าที่โพสโชว์ไว้น่าสนใจมาก โดยเฉพาะหมีพูห์
          นัดกับคุณนายแจนไว้ดิบดี ว่าให้ช่วยกันโพส แถมชวนคุณสามีมาช่วยโพสแย่งด้วยอีกคน

          แต่สรุปว่าแห้ว!!! แม่มือใหม่หัดโพสแบบเราๆ อยู่ลำดับเกือบที่สิบนู่น
          เวลาโพสรูปขึ้นแล้ว คนแรกที่โพสจองได้จะได้ของไป
ช่างเป็น Grand Opening
          ที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก คุณแม่แต่ละคนทุ่มเทกันสุดฤทธิ์ บางคนโพสไม่ทัน
ถึงกับท้อ
          ถามหาร้านเพื่อไปซื้อเองจะดีกว่า แต่แม่อย่างเรา เอามันส์เข้าว่า แต่ก็สนุกดีเหมือนกัน

          refresh กระทู้กันจนตาลายคล้ายจะเป็นลม ขนาดช่วยกันสองสามแรง ยังสู้ไม่ได้เลย

          สงสัยต้องพริ้นรูปที่เค้าโพสไว้ แล้วเอาไปให้ร้านเจ้าประจำช่วยหาให้ดีกว่า
          ไม่รู้ว่าลูกจะดีใจหรือเปล่านะเนี่ย ที่มีพ่อแม่บ้า!!!! กันขนาดนี้ เรียกได้ว่ากระตุกต่อมหัวใจกันสุดๆ 
          นี่แค่ครั้งแรกที่เราโพสกัน เดี๋ยวครั้งต่อไป ไม่ใช่มือใหม่กันแล้ว หวังว่าคงได้ซักตัวสองตัว สู้!!!
         
          

Read Full Post »

Older Posts »