Feeds:
เรื่อง
ความเห็น

Archive for มิถุนายน, 2009

อ่านที่อาจารย์ปุ๊มาคอมเม้นท์ไว้แล้วแอบน้ำตาไหล จริงๆ มันเกือบจะไหลตั้งแต่บอกแม่ไปตอนสายๆ
ตอนแรกที่โทรกลับบ้านแล้วพ่อรับ แต่ก็ยังไม่กล้าบอกพ่อ ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี
บอกพ่อแค่ว่า ไปซื้อรถมอเตอร์ไซค์มา อาทิตย์หน้าจะกลับบ้านเชียงราย และก็ขอพูดกับแม่

พอบอกแม่ว่าจะมีลูกอีกคน ตะกี้ไม่กล้าบอกพ่อ เพราะไม่รู้จะเริ่มยังไง แม่บอกว่าเป็นเรื่องน่ายินดี
ไม่เห็นมีอะไรเลย และแม่ก็นับเดือนเสร็จสรรพว่าท้องเดือนไหนจะได้ลูกสาวลูกชาย
และแอบสารภาพว่าอยากได้หลานสาว ซึ่งก็ใจตรงกัน และก็ถามถึงแชทว่าอยากได้น้องไหม

จริงๆ แชทก็อยากได้น้องสาวเหมือนกัน และก็ต้องช่วยกันอธิษฐานต่อไปว่าจะได้ลูกสาวหรือไม่
แต่ไม่ว่าเพศไหนก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะไม่ว่ายังไงแม่จอมเห่ออย่างฉันก็ยินดีอยู่แล้ว
ตอนที่บอกย่าว่าปีหน้าต้องช่วยกันเลี้ยงหลานนะ ย่ายังงงๆ อยู่ ว่าปีหน้านี่มันตอนไหน

แล้วที่บอกว่าจะให้ช่วยเลี้ยงหลานหนะ ใครจะช่วยย่า (อันนี้ย่าศรีคงแอบคิดในใจอยู่)
เมื่อคืนตอนไปซื้อนมให้แชท แม่ก็ซื้อนมแอนมัมมากินด้วย พ่อหมูอ้วนถามว่าตกลงมีจริงๆ เหรอ
แล้วมันกี่เดือนแล้ว และยังทำหน้างงๆ ต่อไป แต่ก็ดีใจแล้วที่ได้บอกใครที่ควรบอก

Read Full Post »

จริงๆ ฉันแอบลุ้นเองมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่รู้ถึงความผิดปกติของร่างกายตัวเอง
เคยแอบตรวจไปแล้วสองรอบ ด้วยความกรุณาจากลุงเล็ก เอาที่ตรวจเหลือจากน้าวรางค์มาให้
จริงๆ เราสองคนจะบอกกันเสมอว่า อิจฉาๆๆๆๆๆ เวลาใครอีกคนมีลูก
แต่ลึกๆ แล้ว เรายินดีมากๆ ต่างหาก ถ้าใครซักคนจะมีลูก และฉันเองก็ลุ้นน้าวรางค์มากๆ
พอเค้ามีลูก ฉันดีใจยิ่งกว่าตัวเองมีเองด้วยซ้ำ เพราะว่าเค้ารอกันมานานมากๆ

วันที่ 25 มิถุนายน 2552 ห่างกันหลายปีจากที่เคยเทสตอนท้องน้องแชท 13 เมษายน 2544
การลุ้นให้ขีดแดงๆ สองขีดขึ้นมาพร้อมกัน มีทั้งมารขาว มารดำอยู่ในใจ
อยากมีหรือไม่อยากมี มันจะตีอยู่ในหัวของเรานี่แหละ แต่พอออกมาสองขีดก็รู้สึกอุ่นๆ ในใจ
เอามาให้พี่วันดู พี่วันตื่นเต้นเพราะไม่เคยเห็น ให้น้องไอติมดูก็ตื่นเต้นมากๆ
จริงๆ ฉันอยากให้ติมมีก่อนด้วยซ้ำ ไม่ใช่ฉัน เพราะฉันยังมีภาระอีกเยอะ

ไหนจะพี่กล้วย ไหนจะน้องแหม่ม เพื่อนๆ ร่วมรุ่นของฉันอีก ที่เขาอยากมีลูกมากๆ
อาจารย์เห็นฉันอ้วนมานาน ก็นึกว่าฉันท้อง อาจารย์ถามว่าแล้วจะมีน้องเมื่อไหร่
ฉันบอกว่า ถ้าโครงร่างผ่านเมื่อไหร่ จะท้องทันทีเลย (อาจารย์คงตกใจแกมหมั่นไส้เล็กๆ)
อาจารย์คงเป็นห่วงว่าฉันคงจะเรียนไม่จบแน่ๆ เพราะดันโทต๊องไปซะก่อน

คนที่ฉันอยากบอกต่อไปก็คือ เพื่อนๆ ใน Face book class room ของฉัน ซึ่งก็คือเพื่อนเก่า
เพื่อนรักฉันที่อยู่กับฉันมาเกินครึ่งของชีวิต ไม่ว่าชีวิตจะดำเนินไปทางไหน
เพื่อนรักของฉันเหล่านั้น ก็ยังอยู่เคียงข้างฉันมาเสมอ และคงจะอยู่ด้วยกันตลอดไป

พี่น้องผองเพื่อนในไทยมุง เพราะพวกเขารู้เห็นกับพัฒนาการในชีวิตของฉัน
ตั้งแต่เรียนจบ มีงานทำ แต่งงาน มีลูกคนแรก และจนถึงทุกวันนี้ พวกเขายังมีกำลังใจให้ฉันเสมอ
และเทรนการอวดลูกโดยโพสรูปขีดสองขีดนี้ ก็ได้มาจากพี่น้องในไทยมุงนั่นเอง

ฉันกล้าที่จะบอกใครๆ หลายคน จนวันนี้ไม่รู้ว่าบอกใครไปแล้วบ้าง แต่ฉันยังไม่กล้าบอกพ่อแม่
หรือย่าของน้องแชท ที่จะต้องรับบทบาทในการช่วยฉันเลี้ยงดูลูกของฉันเลย
แม้แต่พ่อหมูอ้วน ฉันก็ยังไม่กล้าที่จะขอให้เขาพาไปฝากท้อง เพราะการทำอะไรไม่ปรึกษา

ก็อาจนำพาสู่การเคืองเล็กๆ เนื่องจากว่าการมีลูกเพิ่มอีกคนหนึ่ง มันเหมือนเพิ่มหลายๆ สิ่งในชีวิต
ทั้งภาระ ค่าใช้จ่าย เวลา และอีกหลายๆ อย่างที่เราจะต้องพบเจอในวันข้างหน้า
แต่สำหรับฉันแล้วตั้งแต่มีน้องแชท สิ่งที่เป็นคำพูดติดปากเสมอเมื่อมีใครถามถึงความหมายของชื่อลูก

เด็กชายกฤตนนท์ หมายถึง สิ่งใดเกิดขึ้นแล้วสิ่งนั้นดีเสมอ (ฉันเป็นคนคิดความหมายเอง)
วันนี้ก็เช่นกัน วันที่ฉันจะต้องเป็นคุณแม่ลูกเพิ่ม (พี่คีตปราณตั้งให้)
ฉันก็ยังย้ำเตือนไว้ในหัวใจอุ่นๆ ของฉัน "สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ"

Read Full Post »

กว่าเราจะหาเจ้าอ๊บๆ และผองเพื่อนมาได้ครบ ก็ผ่านไปหลายเดือนเลย
ตั้งแต่หลังสงกรานต์เป็นต้นมา เพราะว่ารถไอติมเนสเล่หาได้ยากมากๆ
แถวเชียงใหม่ก็มีแต่ไอติมวอลล์ยึดตลาดไว้เกือบหมดเลย

ช่วงที่เดินทางไปหัวหินก็ได้มาหลายตัว และพอแม่ไปชะอำมีโอกาสแวะปั๊มต่างๆ
ก็ซื้อเพิ่มมาได้อีกหลายตัว บางตัวที่ซ้ำก็เอาไปให้พี่เอิร์ธแทน
จริงๆ มันมีขายในเว็บ 10 ตัว 250 บาท รวมค่าส่งอีก 100 บาท (แพงอิตรงค่าส่งนี่แหละ)

ถ้าเราต้องการสิบตัวครบแบบนี้ เสียเงิน 350 บาท แต่สำหรับผู้ชอบและรักการสะสมแบบบ้านเรา
จะมีความพยายามมากสำหรับเรื่องไร้สาระอะไรทำนองนี้
ตอนนี้แชทมีเคโรโระและเพื่อนๆ ครบแล้ว จากการสะสมของพ่อ แม่ และแชท
และก็เลิกกินไอติมละ รอบต่อไปขอเสนอให้เป็นหมีพูห์และผองเพื่อนนะ แล้วเราจะไปอุดหนุนใหม่

Read Full Post »

จากชื่อเรื่อง เป็นคำถามที่ถูกตั้งไว้ใน blog จากผู้เขียนนามเลื่องชื่อ นามว่า "สุจิตต์ วงษ์เทศ"
ผู้อ่านสามารถหาอ่านได้เต็มๆ จากลิงค์ http://www.sujitwongthes.com/2009/06/siam160609/
แต่เจ้าของ blog ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์แต่อย่างใด ฉันเลยขอ copy บทความดังกล่าวมาไว้ ณ ที่นี่

บรรณารักษ์แนวใหม่ กว่าจะได้ต้องใช้เวลาอีกกี่ชาติ

หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับประจำวันอังคารที่ 16 มิถุนายน 2552

“หากไม่ออกเป็นกฎหมายให้การอ่านเป็นวาระแห่งชาติ การผลักดันให้เด็กรักการอ่านก็ค่อนข้างริบหรี่เต็มที”
“หากรัฐจัดการเรื่องนี้อย่างสะเปะสะปะ ไร้แผนการ ไร้โครงสร้างชัดเจน
ต่อให้ใช้เวลานับล้านปี ก็สร้างอุปนิสัยให้คนไทยรักการอ่านไม่ได้”

ข้อความสองย่อหน้าข้างบนนี้ ผมเลือกยกมาจากบทสัมภาษณ์ “มกุฏ อรฤดี”
ในโพสต์ ทูเดย์ สุดสัปดาห์ ฉบับวันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน 2552 หน้า 7
หากรัฐบาลต้องการส่งเสริมให้เด็กมัธยมหรือประถมเข้าห้องสมุดมากขึ้น
คุณมกุฏแนะนำว่า ก็ต้องคิดถึงครูบรรณารักษ์ซึ่งยังขาดแคลน

“ในอนาคตต้องมีบรรณารักษ์แนวใหม่ ที่ไม่ใช่คนนั่งเฝ้าหนังสือ
หรือคอยขู่คนที่จะยืมหนังสือว่าอย่าคุยเสียงดัง อย่าทำหนังสือยับ

เราต้องมีบรรณารักษ์ที่เก่งเรื่องการระบายหนังสือไปสู่คนทั่วไป  
จัดรายการลด แลก แจก แถม ให้คนเข้ามายืมหนังสือเยอะๆ
ต้องส่งเสริมการอ่าน เป็นที่พึ่งของคนที่คิดอะไรไม่ออก อยากเข้ามาหาความรู้ในห้องสมุด”

“บรรณารักษ์แนวใหม่”ที่คุณมกุฏแนะนำไว้ มีสปีชีส์หรือชาติพันธุ์เดียวกับ“ภัณฑารักษ์”
ไม่น่าจะมีได้ในชั่วอายุคนที่ดำรงอยู่ขณะนี้ แม้ในชั่วอายุคนรุ่นข้างหน้าก็ไม่น่าจะมีได้
เพราะสังคมไทยมีลักษณะอย่างที่อาจารย์ชาญวิทย์ เกษตรศิริ บอกไว้ว่า ดูทันสมัย แต่อนุรักษนิยมสูงมาก
แล้วมีผู้เทียบเป็นคำคล้องจองว่า “ทันสมัย แต่ไม่พัฒนา” และ“ทันสมัย แต่ไร้สมอง”

สรุปว่าบรรณารักษ์, ภัณฑารักษ์ เป็นชาติพันธุ์เดียวกับอนุรักษ์ทั้งหลาย 
คงต้องรอไดโนเสาร์เกิดใหม่แล้วตายลงอีกครั้งถึงจะพอมีทางได้“บรรณารักษ์แนวใหม่”อย่างคุณมกุฏบอก

มีกรณีตัวอย่างที่“บรรณารักษ์แนวใหม่”ไม่มีวันถือกำเนิดได้
เพราะการเรียนการสอนวิชาบรรณารักษ์ก๊อบปี้จากตะวันตกทั้งดุ้น
โดยไม่คำนึงถึงสภาพความจริงของสังคมยาจก ยากจน ไม่อ่านหนังสืออย่างสังคมไทย
แล้วใส่วัฒนธรรมล้าหลังทั้งแท่ง เช่น สมาคมห้องสมุดฯ เป็นสมบัติผลัดกันชมเป็นส่วนตัวของคนบางชาติพันธุ์เท่านั้น

ยอมรับว่าอ่านบทความนี้จบแล้ว พูดได้คำเดียวว่า "ไม่ไหวจะเคลีย!!!" เลยค่ะท่านผู้อ่าน
ถึงฉันไม่ได้เป็นบรรณารักษ์ กศน. แต่ฉันก็ยังอยู่ในวิชาชีพของการเป็นบรรณารักษ์
แต่ถ้ามีคนมาดูแคลนอาชีพของฉันแบบนี้ ขอบอกได้คำเดียวว่าอึ้ง!!!

หวังว่าท่านผู้เขียนที่ทรงเกียรติท่านนี้ คงไม่ได้เข้ามาใช้บริการห้องสมุดฉัน
ห้องสมุดมหาวิทยาลัยของฉัน หรือห้องสมุดอื่นๆ ที่ฉันไปรู้ไปเห็นมา
เพราะว่ามุมมองของท่านที่มองเห็นห้องสมุด ทำไมไม่เหมือนห้องสมุดที่ฉันเคยเจอเลยแฮะ!!!

ไหนจะเรื่องการเรียนการสอนที่ลอกตะวันตกมาทั้งดุ้นอีก มันเป็นยังไงเนี่ย
ที่ฉันเรียนมาตลอดสี่ปีตอน ป. ตรี กับ 1 ปี ป.โท มันลอกตะวันตกมาหมดเหรอ
แล้วฉันไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับงานตัวเองได้เลยเหรอนี่
แล้วตูทำงานมาเป็นสิบปีนี่ ตูใช้วัฒนธรรมตะวันตกมาบริหารจัดการห้องสมุดตัวเองหรือนี่
แล้ววัฒนธรรมตะวันตกมันไม่มีตรงไหนนะ มันถึงมาเนียนกับวัฒนธรรมไทยให้บรรณารักษ์ปฏิบัติไม่ได้

ฉันเองก็พูดไม่ได้เต็มปากว่าตัวเองเป็นบรรณารักษ์แนวไหน แต่ขอไม่ยอมรับนิยาม
“ทันสมัย แต่ไม่พัฒนา” และ“ทันสมัย แต่ไร้สมอง” ที่เขาประนามแน่ๆ
เพราะอะไรบรรณารักษ์ถึงไม่พัฒนา เพราะอะไรห้องสมุดถึงไม่พัฒนา

จะโทษว่ารับการศึกษาจากตะวันตก โทษการคอรัปชั่นของผู้ใหญ่ในบ้านเมือง
โทษความไร้สมองของบรรณารักษ์ หรือโทษอะไรดีหละ มัวแต่โทษกันไปโทษกันมา
สรุปได้ว่า โทษแก๊สโซฮอลดีกว่า เพราะมีแก๊สโซฮอลบ้านเมืองนี้เลยไม่มีบรรณารักษ์แนวใหม่กันซะที

Read Full Post »

เด็กชายประถม 1

ไม่ได้เขียนเรื่องราวของน้องแชทตั้งนาน เพราะแม่ไม่ค่อยมีเวลา
วันนี้เลยหาโอกาส update ชีวิตเด็กประถม 1 กันหน่อย

เด็กชายแชทเรียนอยู่ห้อง 1/4 เลขที่ 3 ยังมีน้องม่อนสนเป็นเพื่อนสนิทจากอนุบาล 3
มาอยู่ห้องเดียวกัน และมีเพื่อนคนอื่นๆ เพิ่มขึ้นอีกหลายคน

แชทเข้านอนเร็ว เพราะต้องตื่นแต่เช้าไปโรงเรียน เพราะถ้าไปสายรถจะติดมากกกกก
ตอนกลางคืนจะไม่ได้เล่นคอมแล้ว เพราะต้องอ่านหนังสือและเข้านอนตอนสามทุ่ม

แม่ก็เลยต้องเป็นเด็กดีตามแชท ไม่เปิดคอมตอนกลางคืนเช่นกัน
ตอนเย็นๆ วันจันทร์ – พฤหัส แชทต้องไปเรียนเสริมวิชา "ฟุตบอล"

เพื่อนๆ คนอื่นๆ เค้าเลือกเรียนเสริมวิทยาศาสตร์หรือคณิตศาสตร์หรือดนตรี
แต่แชทไม่ชอบวิชาการเท่าไหร่ เลยเลือกเรียนเสริมกีฬาฟุตบอลเพียงคนเดียวในห้อง

เลยต้องซ้อมฟุตบอลกับเพื่อนๆ ห้องอื่นๆ ทุกเย็น เป็นดรีมทีม มีทั้งหมด 12 คน
ตอนนี้ทำให้แชทตัวดำมากกว่าเมื่อก่อน สีผิวคล้ำๆ เหมือนเด็กโตทั่วไป

ตอนที่แชทต้องเขียนความฝันของตัวเองลงในสมุดบันทึก
แชทเขียนบอกคุณครูไปว่า "แชทจะเป็นนักออกแบบ"

แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะออกแบบอะไร ซึ่งแม่แอบคิดว่าคงไม่ใช่ออกแบบเสื้อผ้า หน้า ผม ละกัน
เพราะแชทบอกว่า จะออกแบบหุ่นยนต์ หรือเรียนในคณะที่เค้าสอนออกแบบหุ่นยนต์

แชทต้องเป็นลูกเสือสำรอง และได้เป็นหัวหน้าหมู่สีแดงด้วย
ถือเป็นการฝึกภาวะผู้นำของโรงเรียนอีกรูปแบบหนึ่ง

ตอนนี้เพิ่งผ่านไปเพียงเดือนเดียวสำหรับการเปลี่ยนแปลงเป็นเด็ก ป. 1
ถ้ามีอะไรคืบหน้ากว่านี้ จะมาเรียนให้ท่านผู้มีอุปการคุณทั้งหลายทราบเป็นระยะๆ

Read Full Post »