Feeds:
เรื่อง
ความเห็น

Archive for ธันวาคม, 2007

 
        ได้รับโทรศัพท์จากคุณนายปุ่นตอนสายวันอาทิตย์ ถามว่าจะไปไหนบ้างจะชวนไปเชียงราย 
          ดีใจจนบอกไม่ถูก พูดผิดพูดถูกยังกะถูกหวยหรือได้รางวัลเป็นตั๋วเครื่องบินไปเมืองนอกฟรีๆ 
          ไม่นึกว่าตัวเองจะได้ไปเชียงราย ทั้งๆ ที่ปีใหม่นี้ รู้สึกหมดหวังแล้วว่ายังไงก็คงไม่ได้ไป 
          พอน้องสาวสุดที่รักชวนไป ก็รับปากโดยไม่ต้องทำเป็นเล่นตัว แต่ลูกชายยังไว้เชิงอยู่

          เพราะได้เลโก้มาใหม่ เป็นของขวัญปีใหม่จากพ่อฮิปโปสุดหล่อ (ต้องชมหน่อยมีสามีใจดี)
          คุณลูกชายยังต่อยังไม่หนำใจ แต่หลอกล่อด้วยการติดสินบนว่าถ้าไปกับแม่ ลุงโจ๊กจะให้หมีพูห์
          สรุปคือแม่ไม่ได้ลงทุนอันใด แต่รางวัลล่อใจมีแล้วแน่ๆ เพราะลุงโจ๊กห่อเป็นของขวัญไว้แล้ว
          ครบเซทหมีพูห์เบบี้และผองเพื่อน และกระเป๋าหมีพูห์ของแม่ด้วย (แตงกิ้วหลายๆ เด้อเพื่อน)

          พอสายๆ มีรถสีแดงคันตุ้ยมารับเราถึงบ้าน แชทขอเอาของประจำกายไปด้วย อันได้แก่…
          หมีพูห์และผองเพื่อน 1 เซทใหญ่ พร้อมป่าฮันเดรดเอเคอร์ ผ้าห่มสองผืนเล็กและที่นอน
          รวมทั้งเลโก้อีก 1 กล่องใหญ่ เล่นเอาน้าโปคนขับมืนเลย ตกลงมันจะย้ายบ้านเลยเหรอนี่!!
          ส่วนรถแจ๊สสีขาวป้ายแดงของคุณชายเอ็มล่วงหน้าไปก่อน มีครูปุ่นนั่งไปเป็นเพื่อนสนิทด้วย

          และเราก็ไปแบบอัดๆ กัน ประกอบด้วย น้าเกม ยายน้อย ตาโป้ง แม่น้อง แชท และโปแลนด์คนขับ
          โปแลนด์บอกว่ามีแม่โปกับแม่น้องเท่านั้น ที่สามารถกดดันการขับรถความเร็วสูงของโปได้
          ก็เพราะชีเล่นพากษ์ไปตลอดทาง จนโปบอกว่า จะมากดดันโปทำไมละนี่ ก็ฮีวิ่ง เกือบ 120
          แถมยังบ่นว่า รถ city มันเป็นเช่นนี้เอง มันเป็น city จริงๆ เหยียบยังไงก็ไม่พุ่ง แซงใครแทบไม่ได้

          ก็ฮีขับแต่วีโก้อะนะ รายนั้นแค่แตะมันก็พุ่งแล้ว แต่ city ก็เกือบจะพุ่งไปชนตูดคันข้างหน้าหลายครั้ง
          ดีที่หน้ามันสั้น แต่คันข้างหน้าก็คงเสียวตูดกันไปหลายราย ไม่น่าเชื่อว่า รถจะติดมากกกก
          เชียงรายบ้านนอกของชั้น แค่วัดร่องขุ่นก็แทบจะไม่มีที่จอดรถ เพราะคนเป็นแสนนนนน
          หาดเชียงรายงานดอกไม้งาม คนก็หล้นหลาม ใครไปดอยตุงต้องจอดรถไกลเป็นสองกิโล

          ไม่ต้องพูดถึงแม่สายและเชียงแสน แต่ที่พูดมาทั้งหมดนี่ ไม่ได้แวะไหนเลยซักที่
          ให้คุณนายปุ่นและคุณชายเอ็มขับรถไปสำรวจมาก่อน ส่วนเราก็ไปกินน้ำเงี้ยวป้าสุขดีกว่า 
          ซึ่งสายอ๋อมเจ้าถิ่นรายงานมาว่าคนเยอะมาก (ก็เยอะทุกที่) ข้าวเงี้ยวหมดตอนสิบโมงแล้วนะ
          แต่วันนี้จอดรถได้ทั้งสองฟาก โปแลนด์บอกว่า มาวันนี้ไม่รู้จะเจอแอน ทองประสมไหมนะ

          ถ้าเราเป็นแอน ทองฯ เราคงไม่มาเชียงรายเพื่อกินน้ำเงี้ยววันนี้แน่ๆ นอกจากคนจะเยอะแล้ว
          ยังจะไม่ได้รับความสะดวกใดๆ อีก เราถึงกับบ่นเลยว่า ทำไมใครๆ ก็ต้องมาเชียงรายตอนนี้
          เจ้าถิ่นอย่างฉันทำตัวไม่ถูกเลย จะว่าไปน่าจะด่าตัวเองด้วย แล้วแกมาทำไมกันตอนนี้ (วะ)
          ขนาดบ้านตัวเองแทบจะไม่มีที่นอน คุณนายปุ่นเลยต้องไปนอนรีสอร์ท ส่วนเราก็นอนหอโจ๊ก

          ส่วนเรื่องงานเลี้ยงร่วมรุ่นห้องแปดยังไม่ขอเล่า เพราะโจ๊กได้เล่าไปแล้ว เพื่อนๆ ไปตามอ่านกันได้
          งานนี้แค่จะแวะมาบ่น ว่าใครๆ ก็ไปเชียงราย ตอนโทรไปบอกแม่ว่า ให้แม่ข้ามถนนไปอีกฟาก
          เพื่อดูเบอร์เกสเฮาส์ฝั่งตรงข้ามให้หน่อย จะโทรจองให้คุณนายปุ่น คุณนายแม่บอกว่าข้ามไม่ได้
          เพราะรถเยอะมากกกกก (ลากเสียงยาวด้วย) บ้านนอกก็ดันไม่มีสะพานลอยซะด้วย ลำบากแม่ดีแท้
         

         
 

Read Full Post »

แชทริค

 
          ข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์บันเทิงช่วงนี้ คงไม่มีข่าวใดจะดังเกินกรณีพี่มอสกับน้องแพทริค
          เช้าเมื่อวานน้องชายส่ง ms มาหาแต่เช้า ระหว่างที่ฉันกำลังดูทรงผมเอวิสของคุณปลื้มอยู่
          น้องชายส่ง ms มาให้เปิดดูช่อง 3 เพื่อดูกรณีพี่มอสและเพื่อนรุมแกล้ง ถอดกางเกงน้องแพทริค
          แถมยังเย้ยอีกว่า เฮียมอสจะแอ๊บตูดเด็กเสียแล้ว ดูมันว่าเข้า เมื่อไหร่จะเลิกล้อว่าพี่มอสเป็นเกย์!!!

          จริงๆ ในความรู้สึกลึกๆ ฉันอยากให้พี่มอสเป็นเกย์จะตาย จะได้ไม่ต้องแต่งงานแบบพี่เบิร์ดไง
          แต่ถ้าพูดถึงกรณีเหตุการณ์นี้ ถ้าพูดแบบไม่เข้าข้างกัน พี่มอสและเพื่อนๆ นั่นแหละเป็นฝ่ายผิด
          ถึงแม้น้องแพทจะเป็นเด็ก แต่เค้าอายุ 11 แล้ว จะโตเป็นหนุ่มแล้ว และอาจจะถูกเลี้ยงดูมาอีกแบบ
          ไม่ใช่ว่าจะต้องมาแก้ผ้าต่อหน้าใครๆ ได้ และนึกดูตามประสาคนเป็นแม่แล้วละก้อ…

          แม้เด็กชายอายุ 5 ขวบ อย่างลูกฉัน ยังรู้สึกอายที่จะต้องแก้ผ้าต่อหน้าใครๆ
          แล้วยิ่งพี่มอสเป็นคนที่น้องแพทรักและไว้ใจ คิดว่าคงเสียความรู้สึกกับพี่ชายอยู่ไม่น้อย
          จริงๆ พี่มอสน่าจะมาแก้ผ้าต่อหน้าสาวกอย่างน้องสาวพี่มอสบ้างนะ เป็นการไถ่โทษ 
          รับรองว่า คงมีสาวๆ วิ่งเข้าใส่ เผื่อจะได้ทดสอบไปด้วย ว่าพี่มอสแอ๊บแมนหรือไม่

          พูดถึงหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ แม้เขาจะทำเกินกว่าเหตุไปหน่อยที่ไปลงบันทึกประจำวันไว้
          และพอดีกว่าน้องเขาเป็นคนดัง เรื่องมันเลยดังไปทั้งประเทศ จะไปโทษพ่อแม่น้องฝ่ายเดียวก็ไม่ได้
          เพราะพ่อแม่ก็ย่อมหวังดีกับลูก แต่บางทีอาจจะมีเกินเลยไปบ้าง ก็เลี้ยงลูกนี่ช่างยากเย็นนัก
          คนเป็นพ่อเป็นแม่คงจะรู้ซึ้งดี น้องชายฉันยังบอกว่า ต่อไปอาจจะมีกรณี "แชทริค" ขึ้นบ้าง

          เพราะเด็กชายแชท ก็โครตจะ sensitive เหลือหลาย ขนาดว่าเจอเพื่อนที่โรงเรียนรังแกมา
          แทบจะไม่อยากไปโรงเรียน น้าชายผู้แสนดีเลยสอนไปว่า ชกเพื่อนเป็นไหม? ไหนลองทำซิ
          หลานชายดันบอกว่า ถ้าชกเพื่อนหรือทะเลาะกัน ก็ต้องโดนทำโทษสองคนสิ 
          แชทไม่อยากโดนครูทำโทษหนะ จะว่าก็น่าเห็นใจอยู่ แต่ถ้าลูกอ่อนแอเกินไป 

          ลูกคงอยู่ในสังคมในวันหน้าไม่ได้แน่ๆ แต่พอลูกไม่อยากไปโรงเรียน ก็ต้องโทรไปบอกครู
          ครูบอกว่าจะช่วยแยกน้องคนที่ชอบทำร้ายแชท ให้อยู่ห่างๆ กันเข้าไว้ ซึ่งจริงๆ ครูก็ทำดีแล้ว
          แต่บางทีแชทก็อ่อนแอเกินไป พ่อแชทยังพูดเลยว่า นี่ถ้าไปอยู่ prc มีเพื่อนเป็นร้อย
          แชทจะปกป้องตัวเองได้ไหมนี่ แต่แชทบอกว่า "แชทยังต้องการคนป้องกันแชทอยู่นะ" 
          คงจะหมายถึง ต้องการคนปกป้องนั่นแหละ แต่แชทไม่ไม่รู้อธิบายให้พ่อแม่เข้าใจยังไงดี

         
 

Read Full Post »

ยินดีปีใหม่

 
          วันนี้เป็นวันจัดงานปีใหม่ของสำนักหอสมุดละ จะได้หยุดยาวสี่วันโดยไม่ต้องอยู่เวรกันเสียที
          แต่สำหรับเราอาจจะไม่แน่ เพราะมีออร์เดอร์เข้ามาเพียบ ใช้เวรใช้กรรมกันไป (ก็มันได้ตังค์นิ)
          จัดงานปีใหม่ มันเหนื่อยนะ แต่ก็สนุกดี มีรอยยิ้มกันถ้วนหน้า ปีหน้าก็อยากจะลองเป็นคนดูบ้าง
          ไม่ต้องเป็น staff ซักปี จะได้ไหม ปีนี้ครีเอทกันเริ่ดนะ ทันสมัยดีมีเขาเดวิลมาให้ staff 

          คือจะประชดว่า ใช้งานกันเป็นวัวเป็นควายเลยนะ ตลอดปีที่ผ่านมาหนะ ใช่ไหมหละ!!!
          ไม่ใช่หรอก จริงๆ เค้าประจานพวกนังร้าย staff งานปีใหม่ จอมจิกทั้งหลาย ทั้งขอของขวัญ
          ทั้งให้รุ่นน้องเตรียมการแสดง แถมต้องฮา และเจ๊ทั้งหลายก็พยายามดันสุดๆ ด้วยมาลัย
          ติดแบงค์สีต่างๆ รวมๆ แล้ว น้องๆ ก็ได้กันไปห้าหกพัน คุ้มกับการซุ่มซ้อมเต้นกันมาทีเดียว

          มีเรื่องน่าชื่นใจในวันปีใหม่ด้วย ปีนี้อ. ตา ผู้แสนดี ได้รับรางวัลบุคลากรดี และจะได้รับรางวัล
          ช้างทองคำ จากมหาวิทยาลัยด้วย ต้องแบบนี้สิ คนดีอยู่ที่ไหนก็ยังเป็นคนดี ทำดีไม่ต้องอวด
          ก็มีคนเห็นคุณความดีและยกย่อง ตอนเปิดซองประกาศชื่ออาจารย์ตา และต้องบรรยายสรรพคุณ
          กันอย่างสดๆ พิธีกรจำเป็นอย่างเรา ก็ต้องเอาความรู้สึกตัวเองเข้าว่า ก็คนมันชื่นใจแทนอะนะ 

          พี่วันก็ได้รับรางวัลบรรณารักษ์ผู้มีจิตบริการด้วย น่าดีใจด้วยจริงๆ สมแล้วกับความมุ่งมั่นของเธอ
          คาดว่าปีต่อๆ ไป คงมีเจ๊บรรณฯ ทั้งหลาย ทยอยกันได้กันอีกหลายคน เพราะแต่ละคน
          สวมจิตวิญญาณบริการเป็นเลิศกันอยู่แล้ว หลังจากเก็บของ เก็บลูกโป่งกลับบ้านกันมาแล้ว
          ของขวัญก็หอบกันแทบไม่หวาดไม่ไหว เล่นเอาทั้งคนจัด คนร่วมงานหายเหนื่อยกันไป 

          จะปีใหม่แล้ว สำหรับโรงละครที่ฉันโลดเล่นอยู่ รับบทมาก็หลาย ฟูมฟายมาก็มาก 
          ปีหน้าฉันต้องสวมบทบาทไหนอีกบ้างก็ไม่รู้ แต่ประเมินสถานการณ์ปีที่ผ่านมาก ขอว่าปีหน้า
          ให้ฉันอยู่อย่างสงบๆ ที่คณะจะดีกว่านะ อย่าให้ต้องมายุ่ง ยุ่มย่ามอะไรกับส่วนกลางมากเลย
          เดี๋ยวคนในเค้าจะปั่นป่วน ชวนหัวเสียกันเปล่าๆ เพราะเล่นเอาเจ๊วีนมาร่วมกรรมการซะทุกอย่าง

          ปีนี้ถ้าได้ล่วงเกินใครไป ไม่ว่ารุ่นใหญ่ รุ่นเล็ก ก็ขออภัย ขออโหสิกรรมมา ณ โอกาสนี้ด้วยนะคะ
          โอกาสหน้าฟ้าใหม่ จะพยายามปรับปรุงนิสัยที่ตรงงงงงและแรงงงงงงของตัวเองให้ลดลงบ้าง 
          ฉันว่าให้ฉันทำงานหนักสิบเท่า ยังดีกว่าจะให้เป็นนั่นเป็นนี่ แล้วต้องปะทะกับใครๆ ไปเรื่อยๆ
          บางทีแรงเสียดทานที่มากเกิน มันก็ทำให้ต้องผุดความตรงงงงงและแรงงงงงงออกมาบ้างนะ

          สุดท้ายนี้ ขอสวัสดีปีใหม่ แด่ทุกท่าน สำหรับเพื่อนๆ ทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของโลกใบนี้
          เราขอเป็นกำลังใจให้เข้มแข็ง และต่อสู้กับสิ่งต่างๆ และขอให้มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง
          รักตัวเอง รักผู้อื่นๆ รักครอบครัว คิดดี ทำดี เชื่อมั่นในความดี มีความสุขทุกๆ คน จ้า

        
 

Read Full Post »

 
          จริงๆ แล้ว ชื่อเรื่องนี้ ตั้งขึ้นหลังจากอ่านสเปซของน้ำค้าง เห็นน้ำค้างเขียนเรื่องกิจกรรมคนโสด
          คนมีครอบครัวแล้วอย่างเรา จะไปเดินเจเจแบบคนโสดก็คงเป็นเรื่องลำบาก แถมอยู่ซะไกล
          เมื่อวานยังบอกน้ำค้างไปเลยว่า ถ้าเราอยู่กทม. ตอนปีใหม่ เราจะทัวร์ห้างให้ครบทุกห้างเลย
          เพราะเราไม่ต้องไปแย่งที่จอดรถใคร ไม่ต้องแย่งใครซื้อของ แต่ปีใหม่ที่เชียงใหม่คงตรงกันข้าม

          กลับเข้ามาถึงเรื่องกิจกรรมครอบครัวเมื่อวานนี้ เพราะเป็นวันหยุดชดเชยวันเลือกตั้ง
          หลังจากเบื่อหน้าบานๆ ของลุงหมัก และหน้าหล่อๆ ของหนุ่มมาร์คในทีวีและในอินเทอร์เน็ต
          กลางวันก็เลยออกไปกินข้าวนอกบ้าน เพราะสัญญากับย่าไว้ว่าจะเลี้ยงวันเกิดให้
          ถ้าไปตอนเย็นคนเยอะ และเรากินเยอะตอนเย็นๆ จะทำให้อ้วน เลยต้องไปตอนกลางวัน

          จากนั้นเอาของขวัญวันเกิดไปให้เอฟ ซื้อมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว เป็นเสื้อกันหนาวมิกกี้
          จวนจะหมดหน้าหนาวอยู่แล้ว ยังไม่ได้เอาไปให้ซักที พอแชทไปเล่นที่บ้านเอฟซักพัก
          ดันเห็นเค้าเล่นว่าวกัน จริงๆ ไม่ได้เห็นตัวคนเล่น แต่เห็นว่าวสีขาวลอยอยู่บนท้องฟ้า
          แชทถึงกับหลั่งน้ำตา เพราะแม่บอกว่าจะไม่ซื้อให้ เพราะยังเล่นไม่เป็นเลย สุดท้ายพ่อก็พาไปซื้อ

          จริงๆ มันเป็นของเล่นราคาถูกที่ทรงพลังมาก เพราะสามารถเผาผลาญพลังงานของพ่อแม่ได้ดี
          เรากลับมาเล่นว่าวที่ทุ่งนาข้างบ้าน ทำเอาวัวแถวนั้นงงเลย ว่าทำไมมีคนอ้วนๆ กลมๆ วิ่งไปวิ่งมา
          ความทรงจำในวัยเด็กบอกเราว่า ถ้าโดนตอซังข้าวแทงหน้าแข้ง เวลาอาบน้ำมันจะแสบมาก
          พอเราโตแล้ว เรียนจบปริญญาแล้ว คิดว่าคงฉลาดขึ้นบ้าง (คิดเอาเองว่าฉลาดนะนี่)

          เลยให้ลูกใส่ถุงเท้า รองเท้ากางเกงขายาว ส่วนเราก็ใส่กางเกงยีนส์เลย (จริงๆ ก็ใส่อยู่ก่อนแล้ว)
          แล้วก็วิ่งอยู่กลางทุ่งนา หาลมแรงเพื่อพัดว่าวให้ลอยขึ้น จนพ่อหมูอ้วนมาร่วมด้วยช่วยกัน
          ว่าวมันก็เลยลอยขึ้นได้สมใจ แต่สายมันสั้น แม่ต้องวิ่งไปซื้อสายมาต่ออีก แต่ลมไม่ค่อยมีแล้ว
          พ่อพยายามอยู่หลายครั้ง ก็ไม่ขึ้นซักที จนแชทเบื่อที่จะเล่นไปเอง เลยบอกว่าค่อยมาเล่นวันหลัง

          จริงๆ แชทไม่ได้รู้หรอก ว่าการเล่นว่าวมันไม่ใช่ขึ้นกันง่ายๆ แชทเคยเล่นเกมหมีพูห์เล่นว่าว
          มันก็ง่ายแค่ปลายเมาท์คลิก แต่พอมาเล่นจริงๆ ในชีวิตจริง แชทวิ่งๆ อยู่หกล้มสะดุดคันนา
          หน้าแข้งเขียวเชียว แถมยังเก็บมาอวดแม่ตอนค่ำอีก แต่ก็ยังติดใจอยู่ ส่วนพ่อกับแม่
          วิ่งจนขาล้า ก้าวขาแทบไม่ออก นี่ขนาดว่าเป็นสิงห์นักปั่นแล้วนะ สงสัยว่าขาจะรับน้ำหนักเกิน!!!

Read Full Post »

บ้านภาษาปาร์ตี้

 
          วันนี้เรามีนัดในวันหยุดว่าจะไปหาครูปุ่นที่บ้านภาษา หรือศูนย์การศึกษานิวซีแลนด์ สาขาลำพูน
          เราไม่ได้เป็นลูกค้าของโรงเรียนสอนภาษาแห่งนี้ แม้มันจะเปิดมาได้หลายปีแล้วก็ตาม
          เพราะว่าเรางก!!! และอยากเรียนฟรีมากกว่า อิอิ ไม่ใช่อะไรหรอก มันอยู่ไกลบ้านไปหน่อยจ๊ะ

          ครูปุ่นมาอ่านเจอเข้าอย่าเพิ่งเคืองนะ เพราะจริงๆ แล้ว ครูปุ่นก็ให้แชทไปเรียนฟรีแหละ
          แต่แม่ไม่มีปัญญาขับรถจากเชียงใหม่ไปลำพูนเพื่อส่งน้องแชทไปเรียนได้
          แต่วันนี้เพื่อของฟรี และปาร์ตี้ที่แสนจะคึกคักเต็มไปด้วยเด็กๆ เราเลยไม่ยอมพลาด

          เราออกเดินทางตั้งแต่เก้าโมง แต่ไปเสียเวลากับการเจอนักกีฬาปั่นจักรยานทีมชาติเกาหลีใต้
          ซึ่งมาเก็บตัวอยู่แถวไหนก็ไม่รู้ แต่เขาเหล่านั้นปั่นจักรยานตามเส้นทางที่เรามา และมีรถตู้ตามตลอด
          เราเลยไปดักอยู่ด้านหน้าเพื่อถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งได้รับความร่วมมือจากนักปั่นหนุ่มสาวโคเรีย

          ชูนิ้วสู้ตาย โพสท่าให้อย่างสวยงาม แต่แม่น้องดันตื่นเต้นไปหน่อย เลยไม่ได้เซฮัลโหล
          หรือทักทายด้วยภาษาเกาหลี อันยองฮาเซโย!! ได้แต่โบกมือบายๆ เป็นกำลังใจให้แทน
          กว่าจะมาถึงบ้านภาษาโรงเรียนครูปุ่น ก็ปาเข้าไปเกือบสิบโมง เพราะมัวแต่ไปวนรอบเมือง

          จริงๆ ก็คือมัวตามนักปั่นเหล่านั้นด้วย ก็เลยช้าไปกันใหญ่ พอมาถึงเค้ากำลังลงทะเบียนกัน
          ติดเบอร์ของขวัญ และเริ่มกินขนมกัน โรงเรียนแห่งนี้เป็นตึกสองชั้น แต่มีห้องเรียนหลายห้อง
          วันนี้ชั้นสองไม่มีการเรียนการสอนเลยว่าง พ่อเอกเลยได้ทียึดห้องเรียนเป็นห้องดูหนัง

          ส่วนแม่น้องก็ช่วยน้าอุ้มเพื่อนครูปุ่นทอดลูกชิ้น ทอดไส้กรอก และแฟรนฟรายด์
          ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ไม่ใช่ขายสิ ก็เลี้ยงเด็กๆ แต่จริงๆ แล้วเด็กๆ ไม่ค่อยได้กินมัวเล่นเกม
          เป็นวัยรุ่นมัธยมที่ได้กิน เพราะไม่ต้องตั้งวงเล่นเกม วัยรุ่นเลยตั้งวงกินขนมเปิดเพลงเต้นกันห้องด้านหลัง

          สนุกกันตามประสา จนได้เวลาจับฉลากของขวัญ น้องแชทได้เบอร์ 27 คุณครูให้อ่านเอง
          เป็นภาษาอังกฤษ แม่นึกว่าแชทอ่านไม่ได้ซะอีก twenty seven ออกเสียงอย่างชัดเจน
          สงสัยกลัวเค้าไม่ให้ของขวัญกลับบ้าน เด็กๆ สนุกสนานกันมาก แย่งกันตอบคำถามเพื่อของรางวัล

          เด็กสาวๆ ใส่สีชมพูมาประชันกันเต็มไปหมด ส่วนวัยรุ่นมัธยมและคุณครูก็เน้นสีแดง งานนี้แชททำเนียน
          แม้จะไม่ได้เรียนรร. นี้กับเค้า แต่ก็ใส่สีแดงมา เพราะมันเป็นงานปาร์ตี้คริสต์มาส ต้องเน้นสีแดงอยู่แล้ว
          ปีหน้าแชทบอกว่าจะมาอีก แต่ทำไมมันรู้สึกว่าไกลจังแม่ ก็นะ…เรามัวแต่ขับวนทั่วเมืองจะไม่ให้ไกลได้ไงนี่

         

Read Full Post »

เทศกาลกินส้ม

 
          เทศกาลกินส้ม ไม่ได้เกี่ยวกับเทศกาลกินเจหรือว่าเทศกาลไหนๆ แต่เมื่อหน้าหนาวเข้ามาเยือน
          "ส้ม" หรือ "ส้มเขียวหวาน" หรือ "ส้มสายน้ำผึ้ง" ก็ถึงเวลาแปล่งประกายสีทองอร่าม
          เชิญชวนให้ทุกคนมาลิ้มลอง เมื่อก่อนส้มสายน้ำผึ้งราคาแพงมาก ถูกสุดก็สามโลร้อย

          แต่เดี๋ยวนี้มีตั้งแต่โลละสิบบาทถึงโลละสามห้าเหมือนเดิม (เพิ่มเติมสารเคมีอีกเล็กน้อย)
          ทุกๆ วัน แม้จะอยู่ชั้นสี่ แต่ก็ยังมีเด็กๆ นักศึกษาเอาส้มมาเซ่น (ทำยังกะเซ่นไหว้เจ้า)
          ดีที่ไม่ได้ใส่ถาดไหว้เจ้ามา ไม่งั้นจะได้ซื้อธูปไว้รอ เตรียมขอขมาหรือขอหวยกันไปเลย

          เหตุที่ต้องได้กินส้มอย่างอิ่มหมีพีมัน และเพื่อท้องไส้จะได้ขับถ่ายสะดวก และช่วยชาติ
          ช่วยชาติในที่นี้ก็หมายถึง การกินผลไม้ที่ผ่านจากห้องทดลองมาแล้ว เพราะไม่งั้นก็ต้องทิ้ง
          ช่วงที่ส้มออกเยอะๆ ก็ได้เวลาของมนุษย์ lab ทั้งหลายจะได้เก็บเกี่ยวผลการทดลอง

          เพราะถ้าทำการทดลองผลไม้นอกฤดู การลงทุนจะสูงลิบลิ่ว แถมต้องใช้อย่างประหยัด
          แต่ถ้าวางแผนการทดลองดีๆ แล้วมาโผล่ในช่วงฤดูที่มีของให้ใช้เยอะก็สบายกันไป
          แถมเหลือแจกจ่ายญาติมิตรได้อีกทั้งตึกก็ยังไม่หมด แต่ต้องมีข้อแม้ว่า ไม่มีสารเคมีจาก lab นะ

          ถ้าเป็นฤดูกาลลำไย แล้วเด็ก lab จะเอาลิ้นจี่หรือสตรอเบอร์รี่มาแจกก็กะไรอยู่
          เพราะแค่ในห้องทดลองก็แทบจะไม่พอใช้แล้ว ฤดูไหนก็ต้องได้กินผลไม้ตามฤดูกาลนั่นแหละ
          เป็นการถูกต้องที่สุดแล้ว เพราะผลไม้นอกฤดูมันแพงไง แค่นี้ใครๆ ก็คิดได้ (กินของแจกยังจะบ่น)

          แต่วันนี้ ช่วงเเวลานี้ ก็ต้องช่วยกันกินส้มจากห้องทดลองไปก่อน รับรองผิวพรรณดีมีความสดใส
          เพราะไม่ได้ผ่านสารเคมีใดๆ เพราะแค่ที่ชาวสวนถล่มพ่นมาตลอดระยะเวลาที่ยาวนาน
          ก็น่ากลัวเพียงพอแล้ว อีกไม่นานคงได้กินส้มออร์แกนนิคกัน แต่ช่วงนี้กินส้มผสมยาฆ่าแมลงพลางๆ ก่อน

         

Read Full Post »

วันสีชมพู

 
          เมื่อก่อนการใส่เสื้อผ้าสีชมพูถูกจำกัดอยู่แต่เฉพาะแวดวงของคุณผู้หญิงเท่านั้น
          แต่ปัจจุบันและ ณ วันนี้ ไปไหนๆ ก็มีแต่คนใส่เสื้อสีชมพูกันทั่วบ้านทั่วเมือง
          ปีหน้าและปีต่อๆ ไป คาดว่าแฟชั่นสีชมพูก็คงจะยังอยู่ เหมือนกับสีเหลืองที่อยู่มาก่อนแล้ว

          นับเป็นภาพที่น่าจดจำและน่าประทับใจพสกนิกรทั่วไทย ในวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
          เสด็จออกจากโรงพยาบาลในฉลองพระองค์สีชมพู ทำให้สีชมพูฮิตขึ้นมาทั่วบ้านทั่วเมือง
          และการใส่เสื้อสีชมพู เป็นการเสริมชะตาด้านพระพลานามัยแด่พระองค์

          คนชอบใส่สีชมพูอย่างเรา จึงเต็มอกเต็มใจยิ่งนักที่จะทำตามแฟชั่นนี้อย่างไม่เกี่ยงงอน
          เมื่อก่อนถ้าใส่สีชมพูมาทำงานในวันอังคาร จะถูกแซวว่าทำตัวเป็นปฏิทินเชียวนะ
          กลัวใครไม่รู้เหรอว่าวันนี้วันอังคาร และใส่สีชมพูมาชนกันกับคนที่คณะอย่างมากมาย

          ไล่มาตั้งแต่คณบดี รองคณบดี เด็กห้อง lab แม้กระทั่งแม่บ้าน พร้อมใจกันมาแต่ไหนแต่ไร
          อาจจะสรุปได้ว่าคณะนี้ชอบใส่สีชมพูวันอังคารกัน หรือไม่ก็ขี้เกียจคิดว่าวันนี้จะใส่เสื้อผ้าสีอะไร
          แต่ดูๆ ไป ณ วันนี้ มีคุณผู้ชายทั้งหลายกล้าใส่สีชมพูมากขึ้น ก็ดูดีเป็นที่น่ารักกันไปอีกแบบ

         

Read Full Post »

เป่าเค้กวันเกิด

 
          เมื่อวานบอกกับครูปุ่นว่า จะไปรับเค้กที่สั่งไว้ให้แชทเพราะที่บ้านจะมีงานปาร์ตี้
          จริงๆ ก็ทำพูดหรูไปงั้นแหละว่ามีงานปาร์ตี้ จริงๆ ก็แค่การเป่าเค้กวันเกิดย้อนหลังเท่านั้น
          พอพูดถึงการเป่าเค้ก ครูปุ่นบอกว่าพ่อปุ่นทำให้ปุ่นชอบเป่าเค้กมาตั้งแต่เด็กๆ 
          พอถึงวันเกิดตัวเองทีไร ปุ่นก็ชอบให้มีเค้กและก็ชอบเป่าเค้ก แม้จะปูนนี้แล้วก็ตาม หุหุ

          โปแลนด์ก็เคยเมาท์ปุ่นเหมือนกันว่า โตแล้วไม่อายเลย ชีกล้าหาญไปเป่าเค้กที่ good view
          ทำเอาวัยรุ่นเขิลลลลเลย เพราะว่าพอโตๆ กันมา เราทั้งหลายก็เลิกเป่าเค้กวันเกิดกันแล้ว
          เหลือเพียงแต่การไปทำบุญวันเกิด หรืออย่างหรูสุดก็ไปกินข้าวนอกบ้านเท่านั้น
          ไม่ค่อยมีใครคิดจะเป่าเค้กในวันเกิดปูนนี้ของตัวเองอีกต่อไปแล้ว (นอกจากปุ่น)

          วกกลับมาถึงน้องแชท แชทรักการจัดงานปาร์ตี้มาก แม้วันเกิดแชทจะมีแค่ปีละครั้ง
          แต่แชทก็สามารถคิดจะจัดปาร์ตี้ได้เสมอๆ โดยเฉพาะเวลาที่ตาพลกับยายอ่อนมาเยี่ยม
          ปาร์ตี้ของแชทก็ไม่มีอะไรมาก แค่ต้องมีการ์ดเชิญ ที่บังเอิญไปเลียนแบบหมีพูห์มา
          จาน ชาม ช้อน ส้อม สำหรับใส่เค้กหรือขนมในงานปาร์ตี้ ถ้าไม่มีเค้ก มีมัฟฟินก็ยังดี 

          อย่างเช่นปีนี้ก็เหมือนกัน แชทเตรียมงานปาร์ตี้ตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว ทั้งต้นสน หมวกปาร์ตี้
          สายรุ้ง ทำเอาตาโจเซฟงง เพราะขนาดแกเป็นคริสต์ แกยังไม่เห่อคริสมาสต์เท่าแชทเลย
          น้องแชทซ้อมงานปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ตุ๊กตาหมีพูห์และผองเพื่อนมาเป็นเดือนแล้ว พอถึงเวลาจริงๆ
          ปาร์ตี้แชทอาจจะไม่สนุกก็ได้ แต่อย่างที่เค้าว่า เวลาเตรียมงานนี่แหละสนุกกว่าตอนมีงานซะอีก

 
            
           ภาพประกอบเค้กหมีพูห์จาก s&p ก้อนสี่เหลี่ยมคือที่เลือกให้แชท ส่วนก้อนกลมๆ จะมีขายวันที่ 21 ธันวา

Read Full Post »

 
          อ่านนิตยสารสุดสัปดาห์ คอลัมภ์ "ตอบตามใจ" ของวรรณสิงห์ ประเสริฐกุล
          มีข้อคำถามจากน้องๆ อีเมลมาถามว่า "ปีหนึ่งคนไทยอ่านหนังสือกันเฉลี่ยคนละ 7 – 8 บรรทัด"
          เขาวัดกันอย่างไร ซึ่งเป็นความสงสัยหนึ่งของเจ๊บรรณฯ อย่างเราเหมือนกันว่าจริงๆ แล้ว
          คนไทยอ่านหนังสือกันแค่แปดบรรทัด หรือว่ามาตรฐานการวัดมันเบี่ยงเบนกันแน่

          เลยลองค้นใน google ห้องสมุดออนไลน์ ที่มีคนทำนายว่าจะมาแทนห้องสมุดในยุคหน้า
          ก็ลองคิดดูสิ ขนาดบรรณารักษ์ยังต้องพึ่งพา google ต่อไปจะมีใครเข้าห้องสมุดไหมนี่
          จริงๆ มันก็แค่เป็นเพียงผลการคาดเดาเท่านั้น ก็คงเหมือนกับสถิติที่บอกว่าคนไทยอ่านหนังสือ
          ปีละ 7 – 8 บรรทัดนั่นแหละ เพราะหลังจากค้นดูสถิติการอ่านจากปรมาจารย์ google แล้ว

          พบว่า จากการสำรวจสถิติการอ่านหนังสือของคนไทยด้านการใช้เวลาในการอ่านหนังสือ
          โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในปี 2548 พบว่า คนไทยใช้เวลาอ่านหนังสือเฉลี่ยวันละ 1.59 ชั่วโมง
          โดยมีอัตราการอ่านหนังสือเฉลี่ย 5 เล่ม/คน/ปี ถ้าคำนวณกันอย่างจริงจังแล้ว 
          มันก็คงเกิน 8 บรรทัดอย่างแน่นอน เว้นเสียแต่ว่า หนังสือห้าเล่ม มีเล่มละ 1 บรรทัด!!!

          น้องวรรณสิงห์  ตอบไว้ในคอลัมว่า จริงๆ แล้วคนไทยไม่ได้อ่านหนังสือแค่ปี 7-8 บรรทัด
          แต่อ่านสาระปีละ 7 บรรทัดต่างหาก มิน่าหละหนังสือประเภท Gossip Star ถึงขายดีมากๆ
          ยิ่งเรื่องพวกใครแย่งสามีใคร ใครเป็นเมียหลวงเมียน้อย ใครแอ๊บแมน แอ๊บแบ๊ว ใครทำนม
          ซ้อต่างๆ เอามาแฉได้หมด หนังสือสาระดีบนแผงหนังสือไทย เลยถูกสื่อไร้จรรยาบรรณบดบังซะมิด!!!
         

        

Read Full Post »

กิ๊ก(ส์)ของเรา

 
          บังเอิญเราไม่ได้มีกิ๊ก เลยไม่รู้จะเขียนถึงกิ๊กคนไหนให้อ่าน
          นอกเสียจาก กิ๊ก(ส์) ที่เราปลื้มมานานแสนนานคนที่อยู่ในภาพ
          เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2550 (วันดีจริงๆ เลยวันที่ 11 ธันวาเนี่ย)

          กิ๊กส์ของเราได้เข้ารับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น OBE 
          จากพระราชินี ที่พระราชวังบัคกิ่งแฮม และกิ๊กส์ใด้ให้สัมภาษณ์ว่า
          "คือวันที่น่าภูมิใจสำหรับผมและครอบครัว ซึ่งผมถือว่าโชคดีมาก
          ที่ได้เล่นให้กับทีมที่ยอดเยี่ยมมาอย่างยาวนานและประสบความสำเร็จในชีวิตค้าแข้ง" 

          สำหรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น OBE (Order of the British Empire) ของกิ๊กส์
          มอบให้กับผู้ที่ทำชื่อเสียงในด้านกีฬา โดยอดีตกัปตันทีมชาติเวลส์ วัย 34 ปี
          ยังเป็นเจ้าของสถิติคว้าแชมป์ลีกสูงสุดถึง 9 สมัยอีกด้วย โดยเขาทำได้
          ตอนเล่นพรีเมียร์ชิป ล้วนๆ (ไม่รู้ตอนสุดท้ายนี่ประชดเป็ดที่ไหนหรือเปล่านี่!!)

                         
          ภาพประกอบและเนื้อหาข่าวจาก http://www.manager.co.th/

Read Full Post »

Older Posts »