Feeds:
เรื่อง
ความเห็น

Archive for กันยายน, 2008

ทำอาหาร

 
          เพิ่งนึกขึ้นได้อีกอย่าง หลังจากที่อ่านสเปซน้องนุกน้องสาวตัวกลม ว่าจริงๆ แล้วเจ๊ชะอมนั้น
          ก็ทำกับข้าว ทำอาหารไม่เป็นเลยเหมือนกัน เพราะเมื่อวานตอนไปกินหมูกะทะกับเพื่อนๆ 
          น้องไอติมกับสามีเล่าว่าช่วยกันทำอาหาร ผ่านไปสามชั่วโมง ทั้งสองทำ "ต้มส้มปลาทู" ได้ 1 อย่าง
          ผู้หมวดสุ สามีน้องไอติมบอกว่า นี่ถ้าไม่ช่วยนะ รับรองไม่เสร็จ ไม่ได้กินแน่ๆ
          เลยบอกกับสามีเราไปว่า เราคงไม่มีภาพบรรยากาศแบบนี้ในบ้านแน่ๆ เพราะเราสองคน
          ไม่มีใครทำกับข้าวเป็นเลย และก็ไม่เคยมีกะใจ จะทำอาหารให้กันและกันได้ชิมด้วยสิเนี่ย

          น้องตั้มคู่หูของแชท เคยถามแชทว่า แม่ทำอาหารอะไรอร่อยที่สุด แชทตอบได้อย่างไว
          "ไข่ตุ๋น" ครับพี่ตั้ม ตั้มหัวเราะชอบใจ บอกว่าแชทไว้หน้าแม่มาก ดีที่ไม่บอกว่า "ไข่ดาว" 
          เมื่อหลายวันก่อนลุงเล็กส่งเมนูรักสุขภาพที่หลากหลายมาให้ เพราะลุงเล็กทำให้ภรรยาทานเอง
          ลุงเล็กบอกว่าให้สามีชะอมทำให้ทานนะ พอเราบอกไปว่าสามีทำกับข้าวไม่เป็น เราก็ทำไม่เป็น
          ลุงเล็กได้แต่ถอนหายใจ บอกว่าให้กินผงชูรสนอกบ้านต่อไปนะยะเธอ!!!

          จริงๆ ที่บ้านเรามีอาหารอร่อยให้ทานทุกวันแหละ เพราะคุณแม่สามีต้องทำไว้ให้ลูกชายอยู่แล้ว
          คุณชายที่บ้านกินยากมาก ผักไม่กิน อันนั้นก็ไม่กิน อันนี้ก็กินไม่เป็น และไม่มีใครสามารถทำถูกใจได้
          นอกจากแม่ของตัวเองเท่านั้น ภรรยาอย่างเรา ก็เลยรอดตัวไป เพราะสามารถอ้างเหตุผลได้ว่า
          กลัวทำไม่ถูกใจนั่นเอง จริงๆ อาหารที่ฉันทำได้ก็คือ สปาเกตตี้นะ เคยทำบ่อยและทำกินเอง
          แถมคิดว่ามันอร่อยด้วย เพราะความชอบของตัวเองไง เลยคิดว่ามันอร่อย (อยู่คนเดียว)

            

Read Full Post »

บททดสอบ

 
บททดสอบความอดทน

…บทแล้วบทเล่า…

จนกว่าเราจะทนไม่ไหวหรือไม่ก็ชินชาไปเอง

ไม่น่าเชื่อว่าเจ๊วีนอย่างฉัน จะอึด จะทน เรื่องราวต่างๆ ได้มากขึ้น

ไม่ใช่ว่าฉันเก่งขึ้น เกร่งขึ้น หรือมีจิตใจดีงามอะไรหรอก

ฉันพยายามจะเห็นมันเป็นเรื่องชิน จนชินชา

เพราะว่าฉันคงต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ไปอีก

…ตลอดชีวิต…

Read Full Post »

คนไม่สำคัญ (ของโลก)

 
        หลายวันมานี้ มีอะไรผ่านเข้ามามากมายแบบตั้งตัวไม่ติด ทั้งๆ ที่คิดว่าสติยังดีอยู่
        และอาจารย์ก็ย้ำนักย้ำหนาว่าอย่าทำอะไรๆ ทีละสามอย่าง แต่ฉันทำทีละห้าอย่างแทน
        เพิ่งมาอ่านเจอคำของพี่จุ้ย ที่ให้สัมภาษณ์ไว้ใน A day เล่มล่าสุด

        "เราควรต้องตระหนักถึงความไม่สำคัญของตัวเองให้ได้ ไม่มีเรา เขาก็อยู่กันได้" 
        เอ่อหวะ ตลอดเวลาที่ผ่านมานี่ ไปแบกรับอะไรใครไว้ไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
        พอมาเจอคำนี้เข้า เหมือนโดนชี้หน้าด่าเลยเชียว ถูกเผงเลยพี่ ด่าอีกทีซิพี่!!!

        จริงๆ มีคนที่แบกรับอะไรมากมายไว้มากยิ่งกว่าเราอีก เหมือนเพื่อนรักฉันบางคน
        กำลังรอที่จะประกาศอิสรภาพจากภาระที่แบกรับไว้ ทั้งๆ ที่ ตัวเองไม่ได้ก่อมันขึ้นมา
        บางทีเราไม่ใช่คนสำคัญของโลก แต่กับคนบางคน ถ้าไม่มีเราเขาจะเป็นยังไงนะ (คิดเผื่ออีกละ)

        วันนี้มีสิ่งหนึ่งที่บุคคลไม่สำคัญของโลกคนหนึ่งได้ทำไว้ มีลุงขับรถแดงแต่งตัวมอๆ
        เดินขึ้นมาถึงชั้นสี่ เอาหนังสือมาคืน แต่หาห้องสมุดไม่เจอ เลยถามคนอื่นๆ มาเรื่อยๆ 
        ฉันคิดว่าลุงเอาหนังสือมาคืนแทนลูก เลยเข้าไปถาม แต่กลับไม่ใช่หนังสือลูก

        ลุงบอกว่ามีคนทำหล่นไว้ในรถแดงที่ลุงขับ และมันประทับตราว่าห้องสมุดเกษตรศาสตร์
        พอมีเวลาลุงเลยมาตามหาห้องสมุดเกษตร จะได้เอาหนังสือมาคืนเพราะกลัวเจ้าของโดนปรับ
        ถ้ามีคนคิดถึงคนอื่นๆ มากๆ แบบนี้มากๆ บนโลกใบนี้ โลกนี้คงน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ 

        คนเห็นแก่ตัวน้อยลง คนคิดถึงตัวเองกันน้อยลง คิดถึงความรู้สึกของคนอื่นมากขึ้น 
        ถ้าทุกคนทำกันได้แบบนี้ ทุกคนคงเป็นคนสำคัญของโลกกันหมดแหละนะ
        แต่สำหรับบางคน ย้อนกลับไปอ่านบรรทัดตัวหนังสือสีน้ำเงินอีกครั้งนะ รวมทั้งฉันเองด้วย!!!

          

                ธงชาติประเทศต่างๆ วาดโดย แชท ณ ห้องเรียนวิชา ITM เมื่อวันอาทิตย์

Read Full Post »

สุดยอดดดดดดดดด

 
          คำที่ลูกชายอิฉันพูดติดปากทุกๆ วัน วันละหลายเวลาก็คือคำว่า "สุดยอดดดดดดดด"
          ซึ่งเป็นคำที่โคนันชอบพูดในทีวี เลยจำมาใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ที่จะพูดถึงนี่ไม่ใช่อวดลูก
          แต่จะพูดถึงการพรีเซนวิชา IO เมื่อวาน จริงๆ คนที่เรียกว่าสุดยอด และมืออาชีพสำหรับเมื่อวาน
          คือท่านประธานแม็ค คนที่พรีเซนต่อจากเจ๊บรรณฯ และเป็นผู้ปิดท้ายการพรีเซนสำหรับเทอมนี้

          ข้อมูลแน่นเอี๊ยด แต่สามารถอธิบายให้เพื่อนๆ เข้าใจได้ หรือทำให้คนที่ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
          ถึงบางอ้อกันไปหลายคน สมแล้วกับที่เรียนได้เกียรตินิยม และอาจารย์ก็ชื่นชมอยู่เนืองๆ 
          และที่สุดยอดในความรู้สึกฉันอีกอย่างก็คือ การพรีเซนเป็นภาษาไทยคำอังกฤษคำของตัวเอง
          รู้สึกทูเรศและขำตัวเองอย่างบอกไม่ถูก แต่งานนี้มีการเตี๊ยมกันไว้ก่อนเล็กน้อยว่าจะใช้มุขนี้

          เพราะเป็นวิชาสุดท้าย แล้วอาจารย์ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร จะนำเสนอยังไงก็ได้ ให้เพื่อนรู้เรื่องพอ
          แต่ฉันคิดว่า นอกจากเพื่อนจะไม่รุ้เรื่องแล้ว ยังต้องมานั่งขำกันเหมื่อยกราม แค่ตอนแนะนำตัว
          พอบอกว่า ซอรี่ๆ ดิฉันไม่ค่อยถนัดภาษาอังกฤษเท่าไหร่ เพราะเป็นคนยอง อิพวกที่เก็บกด
          จากการแอบขำคนก่อนหน้าที่พรีเซน เรียกว่าฮากันออกนอกหน้า ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องน่าขำขนาดนั้น

          หลังจากทดลองเป็นพี่สาวน้องทาทา พูดภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันแบบเต็มสปีด
          รู้สึกเจ็บแอวยังไงก็ไม่รู้ จนน้องโยเอามาล้อ ว่าพี่พูดคำว่าดิจิทัลลลลลลจนผมคงจำไปหลายวันเลย
          ต้องกลับลำปางไปนวดกรามก่อน เพราะรู้สึกขำมากไปหน่อย เจ๊บรรณฯ นะ ไม่ใช่จอยชวนชื่น
          ออกไปพรีเซนสาระให้ฟัง แถมสอนภาษาอังกฤษให้แบบแดะๆ ยังคิดจะขำกันข้ามวัน หุหุ

             

Read Full Post »

Final Report

 
       สองวันนี้เป็นช่วงของ Final Report ที่พวกเราต้องปั่น Presentation เพื่อพรีเซนงานที่ได้รับมอบหมายทั้งหมด
       วิชา IS ช่วงเช้า ช่วงบ่าย KM ช่วงของวิชา KM นี่แหละ ระทึกสุดๆ แล้ว เพราะเวลาทุกนาทีมีค่ามาก
       อาจารย์ต้องเคาะแก้วเตือนเป็นระยะๆ สำหรับคนที่ใช้เวลาเกิน เคาะแรกเตือนว่าเหลือเวลาอีก 5 นาที
       เคาะที่ 2 หมดเวลา เคาะที่ 3 เคาะไล่!!! หมดเวลาจริงๆ แล้วนะ เลิกโม้ได้แล้ว อะไรประมาณนี้

       บางคนก็รนจนเหวอ เจ๊ชะอมพูดโดยลืมเปิดไมค์ พูดไปจนจบ เพราะน้องคนก่อนเปิดไว้ให้
       แต่อิฉันรีบ ดันไปปิด และไม่ใช้ไมค์พูดซะจนจบ เทอมต่อๆ ไป ถ้าต้องพรีเซนรวมๆ แบบนี้อีก
       คงต้องรวมไฟล์ไว้ก่อน ไม่งั้นถอดเข้าถอดออก แต่ละคนก็เสียเวลาไปหลายนาที (เจ๊ชะอมทำเครื่องเค้าพังอีก)
       พอถึงเทอมหน้า อาจารย์อาจจะเอาระฆังมาเคาะเตือนเรื่องเวลาแทนการเคาะแก้ว (แค่เคาะแก้วก็รนได้ที่)

       บางคนก็ช่างกล้า พรีเซนเป็นภาษาอังกฤษ โดยลอกของอาจารย์ผู้สอนมา เหมือนเอามะพร้าวห้าว
       มาขายสวนลำไย (เกี่ยวกันไหมนี่) อาจารย์ให้ไปค้นคว้าเพิ่มเติมจากที่อาจารย์สอน
       แต่เธอเอาที่อาจารย์สอนมาพรีเซน กะพลีชีพฆ่าตัวตายอะไรทำนองนั้น เลิกเรียนรุ่นพี่มารอพรีเซนต่อ
       พลีชีพพอกัน เพราะถึงวันสุดท้ายแล้วเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าเรียนๆ ไป อีกไม่นานก็จะหมดเทอมแล้ว สู้ๆ

         

Read Full Post »

คน(ไม่)ดัง…อยากเจอ

 
          เมื่อก่อนจะมีรายการทีวีประเภทที่เอาดารา นักร้อง หรือคนมีชื่อเสียงมาออก แล้วหาเพื่อนเก่า คนรักเก่า
          หรือใครก็ตามที่รู้สึกว่าดาราคนนั้นผูกพัน หรือมีความสำคัญต่อชีวิตในวัยเยาว์หรือช่วงเวลาที่ผ่านมา
          เลยมีความรู้สึกว่า เป็นดารานี่ก็ดีนะ ได้เจอคนที่อยากเจอ โดยที่ไม่ต้องไปลำบากที่จะตามหาเองด้วย

          นอกจากเป็นดารา นักร้อง ต้องกลัวของแปลกๆ แล้ว โอกาสที่ได้เจอคนรักเก่า เพื่อนเก่า โดยมีคนพามาเจอ
          ถือว่าเป็นโชคอย่างหนึ่งของดารานักร้องไทย ไม่แน่ใจว่าที่เมืองนอกเขามีรายการแบบนี้ไหม
          บังเอิญที่บ้านไม่ได้ติดจานแดง รับสัญญาณได้เฉพาะทีวีทั่วไป เลยไม่ค่อยได้รับรู้ข่าวสารแบบนี้เท่าใดนัก

          สมมุติว่าฉันเกิดได้เป็นดารา หรือเป็นคนดังขึ้นมาในบัดดล (ว่างมากนะนี่ ละสายตาจากการปั่นการบ้านมา)
          มันก็ต้องสมมุติอยู่แล้วหละนะ เพราะอยู่มาปูนนี้แล้ว จะพยายามอัพตัวเองให้เป็นคนดังหรือดาราคงลำบาก
          ประกวดนางงามก็ส่วนสูงไม่ถึง ประกวด AF หรือ The Star ก็อายุเกิน เลยต้องใช้การสมมุติไปพลางๆ

          ที่นึกเรื่องนี้ขึ้นมาว่าอยากเจอใครในอดีต เพราะได้บังเอิญไปให้ความช่วยเหลืออาจารย์ท่านหนึ่ง
          ที่เคยสอนเราสมัยมัธยมต้น ทั้งๆ ที่ไม่ได้เจอหน้าตากันมาเกินกว่า 15 ปีแล้ว และทุกวันนี้ก็ไม่เคยได้ยินเสียง
          หรือเห็นหน้าค่าตากัน เพียงแต่เจอกันผ่านตัวหนังสือ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีของโลกออนไลน์ที่ให้เราได้เจอกัน

         เพื่อนสมัยวัยเด็กที่ฉันอยากเจอ ถ้าฉันเป็นคนดังนั่งอยู่ในทีวี ก็คือเพื่อนที่ชื่อ วิไลลักษณ์ อุตุพร หรือ อ้อ
         ฉันเป็นเพื่อนเขาทางจดหมาย ตั้งแต่สมัยประถม คงประมาณว่าครูให้เขียนจดหมายถึงเพื่อนต่างโรงเรียน
         แล้วอ้อก็เขียนมาหาฉัน ตั้งแต่นั้นก็เขียนจดหมายถึงกันเรื่อยมา จนครั้งสุดท้ายรู้สึกว่าฉันจะเรียนมหาลัยแล้ว

         และอ้อก็ขาดการติดต่อไป และฉันก็ไม่ได้รับรู้ข่าวคราวของเธออีกเลย ส่วนเพื่อนสาวอีกคนที่ฉันอยากเจอ
         ก็คือ ต่าย รุ่งนภา เพื่อนที่เคยไว้ผมหม้า หน้าตาเด๋อๆ ตอนเรียนม. 1 และจำได้ว่าเธอเป็นคนเช็ดน้ำตาให้ฉัน
         ตอนที่โดนครูปกครอง ตัดผมที่อุตส่าห์แอบไว้เนิ่นนาน ให้กลายเป็นม้าเต่อที่เข้ากับหน้าตาบ้านนอกมากๆ

         จนถึงทุกวันนี้ ฉันยังมิกล้าที่จะไว้ผมม้าอีกครั้ง แม้พี่ที่ร้านตัดผมจะบอกว่า ตอนนี้เค้าเรียกม้าทันสมัยแล้วน้อง
         ถึงมันจะดูทันสมัยในสายตาใครๆ แต่ผมม้าสำหรับฉัน มันเป็นสิ่งตามหลอกหลอนมาตั้งแต่วัยเด็ก
         เพราะหน้าตาก็บ้านนอกพอแล้ว ยังจะให้ไว้ผมม้าให้รับกับหน้าเข้าไปอีก ขอบอกว่ารับตัวเองม้ายด้ายยยเรยยย

         สำหรับคนสุดท้ายที่ฉันอยากเจอคือ ครูแหลม ครูสอนพละหุ่นล่ำบึ๊ก ที่สาวๆ มัธยมต้นสมัยนั้นกริ๊ดๆ กันอยู่
         ฉันอยากเห็นว่า เมื่อครูแหลมแก่มา หน้าตาจะเป็นยังไง แต่ในสมัยนั้น เพื่อนๆ ชอบล้อฉันว่า
         ครูแหลมหน้าตาชาวเขามาก และเหตุไฉนฉันถึงได้ปลื้มครูแหลมไปกับสาวๆ เหล่านั้นด้วย (หน้าตาเราก็แม้ว)

         จริงๆ มีอีกหลายๆ คน ที่อยากเจอ ณ ตอนนี้ เขียนไปสามวันสามคืนก็คงนับไม่หมด เพราะความทรงจำเก่าๆ
         ถ้ามันเป็นเรื่องดี เราก็อยากให้มันย้อนกลับมาเกิดขึ้นกับเราอีก และแม้ว่าวันนี้เหตุการณ์เหล่านั้นจะไม่หวนมา
         แต่แค่เพียงเราได้คิดถึงวันคืนที่ดีเหล่านั้น มันก็สามารถเติมเต็มหัวใจของเราให้เป็นสุขได้อยู่เสมอๆ

           

Read Full Post »

Happy Birth Day To Be

 
เธอเคยบอกว่าเธอไม่มีแม้ใครสักคนหนึ่ง
คงลืมว่าอย่างน้อยยังมีฉันไง

วันใดที่เธอมีเพื่อนรุมล้อมเธอหรือยังมีใคร
เธอก็จะไม่เห็นฉันเลยคนดี

แม้วันใดหัวใจเธอพ่ายจะมาแพ้ไปกับเธอ
และถ้ามีวันใดน้ำตาเธอเอ่อ จะร้องไห้เป็นเพื่อนกัน

หากเธอสมหวังในวันหนึ่ง
ให้รู้ว่าฉันยังแอบเห็นและชื่นชม

หากเธอท้อแท้ฉันยังอยู่
หากแม้ไม่เห็นฉัน จงโปรดรู้ไว้ว่าเธอ…ใช่อยู่คนเดียว

หากเธอสมหวังในวันหนึ่ง
ให้รู้ว่าฉันยังแอบเห็นและชื่นชม

หากเธอท้อแท้ฉันยังอยู่
หากแม้ไม่เห็นฉัน จงโปรดรู้ว่ายังมี…
…หากเธอสมหวังในวันหนึ่ง
ให้รู้ว่าฉันยังแอบเห็นและชื่นชม

หากเธอท้อแท้ฉันยังอยู่
หากแม้ไม่เห็นฉัน จงโปรดรู้ไว้ว่าเธอ…ใช่อยู่คนเดียว

Read Full Post »

 
          คุยกับเพียงใจเพื่อนรัก เพราะกำลังหาแบบกระเป๋าที่ถูกใจ เพื่อจะหาซื้อมาให้เป็นของขวัญวันเกิดบี
          ฉันเลยบอกกับเพียงใจไปว่า ฉันอยากได้กระเป๋าใบนึง เพื่อนก็ใจดีบอกว่าส่งรูปมาสิ ถ้าเจอจะซื้อให้
          เลยส่ง Birkin ของ Hermes ใบละหลายแสนไปให้เพื่อนดู แต่เพื่อนบอกว่าแถวแม่สายคงมีเดี๋ยวซื้อให้

          พูดเหมือนหัวหน้าฉันแป๊ะ วันก่อนฉันก็เอารูปยัยเจนี่ถือเบอร์กิ้นสีชมพู ยัยชมพู่ถือเบอร์กิ้นสีเขียว
          พอฉันเอารูปให้หัวหน้าดู หัวหน้าบอกว่าที่แม่สายของก๊อบคงมีแล้ว และอาจจะมีสีเยอะกว่านี้ด้วย หุหุ
          พูดถึง Birkin ที่เป็นที่นิยมในหมู่ไฮโซและดารา ซึ่งมันเป็นความสามารถของเขาที่จะหาซื้อมาได้

          คิดดูนะกระเป๋าหนึ่งใบ ซื้อบ้านได้ 1 หลัง ซื้อข้าวสารได้ 20 รถบรรทุก แต่ของแบบนี้คงว่ากันไม่ได้
          เหมือนวันก่อนตอนอาจารย์ถามว่าทำไมเราต้องใช้ของแพงๆ กัน ใช้กันไปเพื่ออะไร 
          หรือเพียงแค่ชดเชยความรู้สึก อะไรในใจของตัวเอง (สนองนิ้ดดดดดไงค่ะ) หรือแค่ความอยากได้อยากมี

          เพียงใจบอกว่ามีกระเป๋าของฝากจากภูฏาณ เธอจะเอาไปใช้ก่อนไหม ฉันเลยถามว่ามีเจ้าชายติดมาไหม
          ถ้ามีเจ้าชายติดมาในกระเป๋าด้วย ฉันยินดีรับมาโดยไม่มีข้อแม้ แต่ก็อย่างว่าแหละ ถ้ามีเจ้าชายจริง
          เพียงใจคงไม่ยกมาให้ฉันง่ายๆ แบบนี้แน่ๆ แถมตบท้ายว่ามันก็เหมือนของที่ซื้อที่ไนท์บาซาร์นี่แหละ!!!

            

Read Full Post »

 

น้องชายเลิกกับแฟน แต่คนเป็นพี่ไม่สามารถหาคำอะไรมาปลอบใจได้มากนัก

เพราะชีวิตและความรัก มันมีตัวแปรที่มากกว่าคำว่า "คนสองคนที่รักกัน"

ตอนแรกคิดว่าจะไม่บอกพ่อกับแม่ แต่ถ้าเก็บไว้ในใจคนเดียว โดยที่ไม่ได้พูดอะไร

ก็สงสารทั้งหัวใจตัวเอง และสงสารน้องที่กำลังเศร้าอยู่ สุดท้ายก็ต้องบอก

สิ่งที่พ่อบอกน้องก็คือ "ไม่เป็นไรนะ" คำพูดเพียงเท่านี้ ที่ไม่ได้แสดงออกอะไรมากมาย

แต่น้ำตาที่เอ่อล้นอยู่เต็มหัวใจ มันก็พรั่งพรูออกมา

เพียงแค่คนหนึ่งคนไม่รักเราแล้ว…แต่ยังมีคนอีกหลายๆ คน ที่ยังรักและห่วงเราอยู่เสมอ

Read Full Post »

รัก(ของ)แชท

 
         

          รักแรกของน้องแชท เกิดขึ้นเมื่อประมาณกลางปี 49 เรียกว่าเป็นรักแรกพบก็ว่าได้
          เพราะน้องแชทพบสาวคนนี้ที่วัดเจดีย์หลวง ตอนไปทำบุญใส่ขันดอกที่วัดนั้น
          น้องแชทรีบมาบอกแม่ ให้ไปขอถ่ายรูปกับสาวน้อยคนนั้น แม่ก็พลอยตื่นเต้นไปด้วย
          เลยไม่ได้ถามชื่อว่าน้องเขาชื่ออะไร รู้แต่ว่าเป็นลูกครึ่ง แม่เป็นคนเชียงใหม่
          แต่ไม่แน่ใจว่าพ่อเป็นคนชาติอะไร เพราะวันนั้นมากับยายและแม่เท่านั้น 
         
          แต่เป็นความประทับใจเล็กๆ ของแชท เพราะเมื่อเวลาผ่านไป ถ้าเจอสาวลูกครึ่ง
          แชทจะแอบแหล่ๆ สาวน้อยเหล่านั้นอยู่เป็นนานสองนาน สงสัยแพ้ความน่ารักของสาวลูกครึ่ง
          ตอนนี้สาวน้อยชุดฟ้า คงไปอยู่ต่างประเทศกับพ่อแม่แล้วหละ ไม่แน่ว่าอีกยี่สิบปี
          สาวน้อยคนนี้อาจจะกลับมาประกวดนางสาวไทยแล้วได้รางวัลก็เป็นได้
          แต่เขาคงจะจำไม่ได้แล้วหละ ว่าตอนอายุสามขวบ มีหนุ่มเจียงใหม่แอบปิ๊งเค้าอยู่

         

          ความรักครั้งที่สอง ถ้าเป็นภาษาหนุ่มสาวก็ต้องเรียกว่า เป็นความรักที่เกิดจากความใกล้ชิด
          เพราะเพื่อนสาวคนสนิทของแชท (พูดเหมือนเป็นดาราเลย) คือพี่อิ๊งค์สาวหมวยคนนี้
          ที่ต้องเรียกว่าพี่อิ๊งค์ เพราะเกิดตอนต้นปี แต่แชทเกิดตอนปลายปี แต่ได้เรียนห้องเดียวกัน
          ด้วยความสนิทสนมกันในห้องเรียน ทำให้แชทเกิดอาการเผลอไปแอบรักพี่อิ๊งค์เข้า
          ที่ทำให้แม่รู้ ก็เพราะว่าแชทจะให้ความสำคัญกับพี่อิ๊งค์เป็นพิเศษ พูดถึงบ่อยมากๆ 
          จนย่ากลัวว่าแชทจะเป็นแต๋ว เพราะเล่นกับพี่อิ๊งค์มากเกินไป ตอนนี้ต่างต้องแยกย้ายกันไป
          พี่อิ๊งค์ไปเป็นสาวน้อยกระโปรงแดงอยู่อีกโรงเรียนหนึ่ง ส่วนแชทก็อยู่อีกโรงเรียนเลยไม่ได้เจอกัน

          ความรักครั้งล่าสุดของแชท เพิ่งเกิดมาได้ไม่กี่วันมานี้ อยู่ๆ แชทก็มาสารภาพกับแม่
          ว่าชอบน้องหนูน้อย ตอนแรกแม่นึกว่าชอบน้องหมูน้อย เลยถามไปว่าน้องเค้าชื่อ piglet เหรอ
          แต่กลายเป็นว่า น้องหนูน้อยเป็นเพื่อนในห้องเรียนของแชทอีกแล้ว และเป็นเพื่อนหญิงที่เล่นกับแชท
          แชทเลยเกิดอาการแอบชอบน้องหนูน้อยขึ้นมาอีกครั้ง และที่สำคัญก็คือน้องหนูน้อย
          ขึ้นรถตู้กลับบ้านพร้อมแชทด้วย เข้าทางเลยทีนี้ แชทได้นั่งข้างๆ หนูน้อยกลับบ้านด้วยกัน

          แต่เท่าที่แม่แอบเห็น น้องหนูน้อยทำหน้าเซ็งๆ ทุกวัน ประมาณว่า เมื่อไหร่จะถึงบ้านฉันเสียทีเนี่ย
          ต้องมานั่งข้างเด็กชายตัวเหม็นเหงื่อทุกวันเลย อะไรทำนองนั้น และแชทก็ไม่ลืมที่จะแบ่งขนม
          ให้น้องหนูน้อยอยู่บ่อยๆ เป็นการทำคะแนน เมื่อวานแชทแอบเล่าว่า น้องหนูน้อยจุ๊บแก้มแชท
          ตอนที่นั่งเรียนคอมพิวเตอร์อยู่ข้างกัน ทำเอาแม่แอบเขินแทน แต่จริงๆ แชทอาจไม่ได้คิดอะไร
          แค่แอบเป็นปลื้มบ้างก็เท่านั้นเอง แม่เลยบอกว่าแชทอย่าไปจุ๊บน้องเค้านะ เดี๋ยวแม่เค้าจะว่าเอา

Read Full Post »

Older Posts »