การไปดูหมีพูห์และผองเพื่อนครั้งนี้ ต้องขอเล่าตั้งแต่การเตรียมตัวเดินทาง
เพราะว่าเป็นการบันทึกรายละเอียดเอาไว้ให้แชทอ่านเมื่อลูกโตขึ้น เราสองแม่ลูก
เตรียมตัวตั้งแต่สี่โมงเย็น เพื่อรอแม่ตี้มารับไปส่งที่สถานีรถไฟ เราขึ้นรถไฟตอนเกือบหกโมง
โดยนั่งโบกี้ที่เป็นผู้หญิงล้วน โชคดีมากๆ ที่เราได้เพื่อนร่วมทางที่ดีและเป็นกันเองมากๆ
ทำให้ลูกไม่กลัวและไม่เกร็งแถมไม่งอแงอีกต่างหาก หลอกกินขนมฟรีของสาวๆ
ในโบกี้ไปหลายอย่างเลย
ตอนกลางคืนลูกก็ไม่งอแง ตื่นเต้นมาก ตอนเค้าปูเตียงสีขาวๆ ให้นอน ลูกยืนดูป้าปูเตียง
เพื่อเก็บรายละเอียดไปเล่าให้พ่อฟัง พอเสร็จปุ๊ปก็โทรหาพ่อ เล่าให้ฟังเป็นฉากๆ
ตอนกลางคืนก็หลับสบายดี เพราะแม่เอาพี่หมูเน่ามาด้วย แชทอายสาวๆ แถวนั้นเล็กน้อย
แต่ก็ยินดีมากๆ ที่ได้เห็นพี่หมูเน่าเป็นเพื่อนร่วมทางไปกทม. เพื่อสร้างประสบการณ์ชีวิต
ครั้งนี้ด้วย
เราไปถึงหัวลำโพงตอนเจ็ดโมงเช้า ลูกตื่นมาด้วยความสดชื่น ฝนเพิ่งตกไปช่วงเช้า
ข้างนอกถนนมีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นในสายตาของลูก น้องแชทเห็นแท็กซี่สีแดง ส้ม
เหลือง เขียว และอีกสารพัดสี ที่เชียงใหม่ไม่มี เป็นสิ่งที่สองหลังจากตื่นเต้นกับการนอนในรถไฟ
เหมือนในการ์ตูนเลยแม่ รถเป็นสีๆ ป้าน้อยและป้าบีมารับเราแล้ว ป้าน้อยมาแบบแม่ค้าเชียว
เพราะเพิ่งไปซื้อของสำเพ็งมา ส่วนป้าบี ยังวัยรุ่นเหมือนเดิม จากนั้นเราขึ้นรถเมล์ปรับอากาศ
ไปที่สยาม หลังจากทีลังเลๆ อยู่ว่าจะขึ้นแท๊กซี่ดีไหม เพราะป้าๆ กลัวหลานลำบาก
แม่บอกป้าๆ ไปว่า ไม่เป็นไร ต้องให้ลองทุกรูปแบบ เราเลยขึ้นรถเมล์กันก่อน ไปพารากอน
มีเรื่องให้ปวดหัว อีกเล็กน้อย เพราะเราไปถึงเช้าเกินไป คิวแรกเลย คนเก็บตั๋วกำลังเปิดคอมด้วยซ้ำ
ตายละหวาอาติมให้ตั๋วแม่มา ชักจะไม่คุ้มซะแล้ว เพราะแชทไม่ยอมเข้ากลัวความมืด
ป้าน้อยก็กลับไปทำงานแล้ว แล้วแม่กับป้าบีจะหลอกล่อแชทยังไงนี่ พอดีไปเจอร้านขายของที่ระลึก
ลูกอยากซื้อมากๆ แม่เลยได้โอกาสบอกว่า ต้องเข้าไปดูข้างในก่อนแล้วค่อยออกมาซื้อ
ไม่งั้นเค้าจะไม่ขายให้ลูกนะ แล้วลูกก็จะชี้เลือกไม่ถูกด้วยนะเออ พอดีมีพี่ๆ เค้ามาอีกสองสามคน
พร้อมคุณพ่อคุณแม่ แชทเลยยอมเข้าไปตามพี่ๆ เค้า แต่ยังลังเลๆ จะกลับออกมาอีกหลายครั้ง
เพราะยิ่งเข้าไปก็ยิ่งมืด จนไปเจอกับเพนกวินที่ลูกชอบ ลูกเลยนั่งดูเพนกวินนานกว่าดูอย่างอื่น
และมี playland ให้เล่นด้วย ซึ่งตอนอยู่เชียงใหม่ลูกไม่เคยได้เล่นเลย เพราะแม่ไม่เคยให้ลูกเข้าไป
เพราะกลัวฝุ่นและติดหวัดเด็กคนอื่นๆ แต่ที่นี่ alone มากๆ มีแชทคนเดียวเอง เล่นคนเดียว
อาณาจักรแชทจริงๆ ป้าบีบอกว่า คนกรุงเทพเค้ายังไม่ตื่นกัน แชทวิ่งไปดูนักประดาน้ำ
และกลับมาเล่นต่อ เข้าอุโมงค์ดูปลาฉลามกันเล็กน้อย ป้าบีกับแม่ ก็บ่นๆ ว่า สมัยเราเป็นเด็ก
ทำไมไม่มีแบบนี้บ้างนะ เราสองคนก็เลยเห่อยิ่งกว่าแชทอีก ยังนึกอยู่ในใจกันว่า ถ้าแชทไม่ยอมเข้ามา
จะทำไงนี่ แม่กับป้าก็คงอดเห็นกันพอดี
จากสยามโอเชียนเวิร์ล เรารีบออกจากพารากอนไปขึ้นรถไฟฟ้า BTS เพื่อไปต่อรถไฟฟ้าใต้ดิน
BTS ใจดี แชทได้ขึ้นฟรี แต่รถไฟฟ้าใต้ดิน แชทต้องเสียเงินครึ่งราคา จากนั้นก็มาถึง
สวนลุมไนท์บาร์ซา ซึ่งเป็นตอนกลางวัน ยังเงียบเหงากันอยู่ เห็นชิงช้าชาลีที่สูงๆ อยู่ลิบๆ
ไปแวะกินอาหารอีสานแถวนั้น ก่อนเข้าฮอล ให้ตายสิ คนอีสานทำอาหารอีสานไม่ได้เรื่องเลย
น่าอายมากอะ แต่ละโต๊ะซึ่งส่วนใหญ่เป็นพ่อแม่พาลูกมาดูพูห์ กินทิ้งกินขว้างกันสุดฤทธิ์
แม่พยายามกินไก่ให้หมด รักษาน้ำใจเค้า และเสียดายของตามประสาคนเห็นแก่กิน
พอใกล้บ่ายโมง เราไปที่ฮอล อะโห แหล่งรวมเด็กๆ จริง ๆ ทั้งลูกครึ่ง ลูกไม่ครึ่ง
และพวกคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดก็มากโข ของที่ระลึกขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
และเทเงินออกจากกระเป๋าพ่อแม่ แพงมาก แพงโครต แพงยังกะขายที่เมืองนอก
แม่ถามฝรั่งผู้จัดการว่าทำไมขายแพงกว่าในห้างมาก เค้าบอกว่า เป็น Special for Live!!
เฉพาะการแสดงครั้งนี้ แต่อย่างว่านะ Mom Life!!! จะปวดหัวตาย ตุ๊กตาจาก 250 ขาย 700
ของเล่นอันละ 300 – 500 แค่ popcorn กับสายไหม ก็แพงเวอร์ละ แต่เด็กๆ จะไปรู้อะไร
เกี่ยวกับกระเป๋าเงินของพ่อแม่ ถ้าคิดจะเอาแล้วต้องได้ สำหรับแชท ซื้อกล้องส่องทางไกล
รูปหน้า OWL กับสายไหมแถมหมวกหมีพูห์ก็หมดไปหลายร้อยแล้ว
การแสดงค่อนข้างน่าประทับใจ ถือว่า คุ้มกับการซื้อตั๋วเข้าดู แต่ไม่รู้ว่า จะคุ้มไหม
ถ้าเค้ารู้ว่าเราต้องมาจากเชียงใหม่ เพื่อไปดู แต่สำหรับแม่และแชท ถือว่าคุ้มมาก
เพราะแชทหัวเราะตลอดตอนที่เค้าแสดง มีหัวเราะล่วงหน้าบ้าง เพราะรู้มุขแล้ว
ดูซีดีมาหมดแล้ว แต่นักแสดงก็เป็นมืออาชีพมากๆ สามารถให้เด็กๆ ได้มีส่วนร่วมหลายอย่าง
ทำให้ไม่น่าเบื่อ มีตอนใกล้จบหลังจากที่หัวเราะงอหาย ลูกดันร้องไห้ เพราะอยากกินนมขวด
นมขวดแม่ฝากไว้ที่ป้าน้อยซึ่งกลับไปทำงานแล้ว ให้ตายสิลูก ทำไมมาดื้อตอนนี้
ก่อนที่หัวเราะเสียงดังกว่าคนอื่น ก็ร้องไห้เสียงดังจนแม่ต้องปิดปากไว้ อายคนอื่น
แล้วลูกก็สงบลงได้ด้วยตัวเอง และดูพูห์ต่อจนจบ และแม่พาลูกไปถ่ายรูปที่หน้าเวที
แต่เค้าไม่ให้ขึ้นเวที เพราะมันจะวุ่นวายและต้องใช้แสดงต่ออีกหลายรอบ
ลูกกับแม่เลยออกมาหาป้าบี ที่รออยู่ที่ร้านกาแฟดอยตุง และป้าบีต้องแบกแชท ให้แชทขี่หลังไว้
เพราะแชทเหนื่อยและเมื่อยมาก ป้าบีจะบอกแม่เป็นระยะๆ ว่า "ชั้นจะไม่มีลูกเด็ดขาด อิอิ"
ป้าบีพาเราขึ้นรถเมล์เพื่อจะไปหาป้าน้อยที่ประตูน้ำ ลูกก็นอนหลับในรถเมล์ ที่ไม่ค่อยขยับซักเท่าไหร่
เพราะรถติด เราลงที่เซนทรัลเวิร์ลไม่ได้ เพราะตั้งใจว่าจะไป TK Park เลยไปลงที่โรงแรม
แถวที่ทำงานป้าน้อย ลูกนอนอยู่ lobby โรงแรม แม่กับป้าบี เลยต้องสั่งน้ำส้มและน้ำเปล่า
มากินแก้เขิน พอลูกตื่น ก็เลยไปเดินห้างแถวประตูน้ำ ยังไม่ทันได้ซื้ออะไรเลย แชทก็ลากแม่ไปๆ มาๆ
อยากซื้ออะไรซักอย่าง แต่ก็ไม่ได้ซื้อ เลยชวนกันไป TK Park ขึ้นเขาวงกตไปห้องสมุดมีชีวิตกัน
ลูกชอบมาก มันคล้ายกับว่า นี่แหละ อาณาจักรที่ฉันชอบ มีที่ให้กระโดด มีหนังสือเล่มสวยให้อ่าน
หนังสือพูห์เพียบ ไม่มีใครมาแย่งเล่น มีพี่นักข่าวมาสัมภาษณ์แชทด้วย ว่ามาบ่อยไหม
ลูกตอบได้เนียนมาก บอกว่า มาบ่อยๆ มาอ่านหนังสือพูห์กับแม่ จนแม่อาย ต้องแอบไปบอกพี่นักข่าวว่า
ลูกเพิ่งเคยมาครั้งแรก พี่นักข่าวหัวเราะและบอกว่า แบบนี้แหละค่ะคุณแม่ ธรรมชาติของเด็ก
ได้แบบนี้ก็ดีแล้วค่ะนักข่าวชอบใจที่แชทตอบได้ตรงคำถามเค้ามาก ๆ
หกโมงเย็น ทีเคฯ ปิดแล้ว เราเลยนั่งแท็กซี่มารับป้าน้อย เพื่อจะไปสนามบินกัน แม่โทรหาป้านัทตี้
เพื่อจะนัดเจอกัน แต่แม่ทำพลาด เพราะแม่ไม่ได้เปิดโทรศัพท์ไว้ตลอด ทำให้ป้านัทตี้ติดต่อแม่ไม่ได้
เลยอดที่จะได้เจอกัน น่าเสียดายๆ ป้าน้อยกับป้าบีมาส่งเราขึ้นเครื่อง และนัดเจอพี่จูนกับพี่กุ๊กที่นี่
เพื่อกลับเชียงใหม่ด้วยกัน ตอนอยู่ในเครื่องบิน ลูกทำตัวเป็นเด็กดีมาก จนคุณตาคนข้างๆ ชมว่า
ลูกน่ารักดี ทำตัวดีกว่าที่แม่คิดไว้ทีเดียว เพราะไปถึง คุณตาบอกว่า สวัสดีครับ ลูกก็ยกมือไหว้คุณตา
จนแม่แทบไหว้ตามไม่ทัน ลูกวาดรูป ระบายสีไปตามเรื่อง แม่ก็กลัวลูกเบื่อเหมือนกัน แชทอยากฉี่
แม่เลยให้พี่คนสวยแอร์โฮสเตสไปส่งลูกเข้าห้องน้ำ ลูกบอกว่า กระดาษทิซซู่สีม่วงด้วยแม่
(ช่างสังเกตมาก) ในเครื่องมีเด็กที่ไปดูพูห์กลับมาสองคน สังเกตเอาจากของที่ระลึกที่พ่อแม่
ต้องเสียเงินซื้อให้ลูก น้องผู้หญิงคนนั้นคงอายุเท่าๆ แชท แต่แม่จำได้ว่าคุณพ่อเค้าเป็นอาจารย์
สอนในมช. นี่แหละ ได้แต่ยิ้มทักทายกัน พร้อมทำหน้าเหี่ยวๆ ใส่กัน เพราะว่า ทุ่มทุนสร้าง
กันไปเยอะสำหรับงานนี้
เรามาถึงสนามบินเชียงใหม่ตอนสามทุ่ม ซึ่งลูกก็ยังไม่งอแง แต่ก็ไม่ยอมกินนมในเครื่อง
คงจะอายๆ อยู่บ้าง พอรถวิ่งยังไม่เลยแอร์พอร์ทเลย ลูกก็หลับแล้ว เรามาถึงบ้านตอนสี่ทุ่ม
ย่ากำลังรอแชทด้วยใจจดจ่อ แต่แชทหลับไปแล้ว กลับมาถึงด้วยความสวัสดิภาพ และสุขใจ
และที่สำคัญเป็นสุขมากๆ สำหรับทริปนี้ ถึงแม้ว่า พ่อจะไม่ได้ไปด้วย ทั้งๆที่พ่อก็อยู่ กทม.
แต่ไม่มีโอกาสได้เจอกันเลย ได้แต่โทรหากันเป็นระยะ เพื่อรายงานความก้าวหน้า คราวหน้า
ถ้ามีโอกาสเราคงได้ไปเที่ยวด้วยกันอีกนะ Happy Tip ครั้งนี้ เป็นความทรงจำที่ดีๆ ทั้งแม่และลูกเลยจ้า